
ปังสุด! สำหรับคนชอบทะเล วันนี้เราได้รวมเอาเกาะทะเลใต้มาฝากให้เพื่อนๆ ได้ไปฟินกันจะมีสถานที่เที่ยวที่ไหนสวยๆ ตามไปดูกันเลย..กับ 10 พิกัดชิลเกาะทะเลใต้!
เกาะในภาคใต้ ที่ได้รับการขนานนามว่า “มัลดีฟส์เมืองไทย” โดดเด่นด้วยน้ำทะเลอันงดงาม สามารถเลือกบรรยากาศได้ตามสะดวก ถ้าชอบความครื้นเครงต้องมุ่งหน้าไปหาดพัทยา ส่วนชอบความเงียบสงบ นอนดูดวงอาทิตย์ตกสวย ๆ ไปนอนชิลล์ ๆ บนทรายแสนนุ่มบนหาดซันเซ็ตได้เลย กิจกรรมห้ามพลาดคือ ดำน้ำบริเวณ “ร่องน้ำจาบัง” ที่จะพบเห็นปะการังหลากสีสันให้ได้ยลโฉม หรือจะถ่ายรูปบนเกาะหินงามก็ตามสะดวก
เที่ยวทะเลใต้ 2564 ที่การันตีความสวยไม่แพ้ใคร ด้วยยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ ส่งผลให้ทุกคนที่มาถึงจะได้สูดอากาศอย่างเต็มปอด แลนด์มาร์คแห่งใหม่ห้ามพลาดคือ จุดชมวิว 360 องศา บนความสูง 109 เมตร บริเวณทางเดินชมยอดไม้ อันเป็นจุดสูงสุดของเกาะ สัมผัสเห็นวิวท้องทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ แบบสุดลูกหูลูกตา มีทั้งหมด 6 จุด ให้เดินวนกันไปชมความสวยงาม แม้จะเหนื่อยเดินขึ้น 419 ชั้น แต่รับรองว่าคุ้ม
หมู่เกาะแห่งนี้อยู่ในทะเลพม่า ซึ่งต้องไปกับทริปทัวร์ เสน่ห์อันน่าเย้ายวนใจคือน้ำทะเลสีครามสดใสและเป็นจุดรวมของป่าปะการังหลากสายพันธุ์ที่อัดแน่นชนิดที่ไม่เคยพบจากไหนมาก่อน โดยเฉพาะจุดดำน้ำ Milky Way ที่เปรียบเสมือนเมืองแห่งปะการังระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร พร้อมพบเจอปลาการ์ตูนและสัตว์ทะเลอื่น ๆ อีกเพียบ หรือใครจะชิลล์ ๆ อยากนั่งเล่นบนเกาะที่หาดทรายขาว ๆ ก็ตามสะดวก
เที่ยวทะเลใต้ 2564 สถานที่ต่อมาจัดเป็นเกาะชื่อดังของเมืองไทยคงไม่ผิด เป็นหมู่เกาะที่มีหลายจุดให้ไปสัมผัส เช่น เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวมาหยา ความสวยงามของที่นี่คือน้ำทะเลสีคราม จะดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัคก็ตามสะดวก หรือใครอยากนอนเล่นชายหาดชิลล์ ๆ บนเกาะ หาวิวถ่ายรูปสวย ๆ ก็ไม่มีปัญหา
ข้ามมาที่ฝั่งอ่าวไทยกันบ้างกับ เกาะในภาคใต้ สุดน่าประทับใจแห่งนี้ ความโดดเด่นคือเป็นเกาะขนาดเล็กที่มีสันทรายเชื่อมต่อกัน 3 แห่ง อารมณ์คล้ายทะเลแหวกที่ให้ความแปลกตา และธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ กิจกรรมบนเกาะแห่งนี้หลากหลายสุด ๆ จะดำน้ำดูปะการัง, ไต่เขา, โหนสลิง (ซิปไลน์) หรือเดินชมวิถีชีวิตชาวบ้านก็จัดสรรกันดี ๆ รับรองประทับใจไม่ลืม
เกาะนี้อาจไม่คุ้นหูมากนัก ทำให้ความสวยงามและธรรมชาติยังแทบ 100% จุดเด่นคือขนาดเกาะที่แคบทำให้เดินเท้าจาก 2 ฟากเกาะชมความงามได้ภายในระยะเวลาไม่นาน หาดทรายขาวสะอาด และทีเด็ดคือบรรดาพี่น้องหมูดำที่จะคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอด บางคนจึงเรียกว่า “เกาะหมู” กิจกรรมห้ามพลาดคือ ดำน้ำชมปะการัง พายเรือคายัค นอนเล่นบนชายหาดเพลิน ๆ จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ
เที่ยวทะเลใต้ 2564 เกาะมุกคืออีกสถานที่ห้ามพลาด มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ในทะเลตรัง และพบเห็นเรือหาปลาได้แทบทุกจุดบนชายหาด ความพิเศษคือจะได้พบถ้ำมรกตขนาดเล็ก ๆ ที่ถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ในการค่อย ๆ ลอยตัวแล้วเจอกับโถงขนาดใหญ่ แปลกตาและน่าอัศจรรย์สุด ๆ รวมถึงยังสามารถชมวิถีชีวิตชาวมุสลิมที่ทำประมงอีกด้วย
ย้อนกลับมาเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันกันอีกครั้ง กับเกาะกำ หรือหมู่เกาะกำ ด้วยความที่ผู้คนยังไม่พลุกพล่านทำให้ธรรมชาติยังคงสดใหม่ สวยงาม มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้ทำ เช่น ดำน้ำบริเวณเกาะค้างคาว เล่นน้ำบริเวณหาดเกาะกำ หรือเน้นความแอดเวนเจอร์หน่อยจะไปยังจุดชมวิวอ่าวเขาควายก็ได้ แต่ระวังนิดคือทางขึ้นชันมาก เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอานะ
ไปกันต่อที่เกาะแห่งนี้เลย อยู่ระหว่างจุดเชื่อมทะเลตรังกับทะเลกระบี่ โดดเด่นด้วยหาดทรายตื้นทอดตัวยาวลงทะเลจนเป็นชื่อของเกาะกระดาน และน้ำทะเลใสแบบไม่เคยพบเจอมาก่อน จึงทำให้มีคู่รักหลายคู่เลือกแต่งงานใต้น้ำกันที่นี่ กิจกรรมห้ามพลาดคือ การดำน้ำชมปะการังสวย ๆ ด้านหน้าหาดอ่าวเนียง และบริเวณหน้าหาดอ่าวกระดาน หรือจะพายเรือคายัครอบเกาะ เล่นกระดานโต้คลื่นก็สนุกสุดเร้าใจ
อีกหนึ่งเกาะ แม้อยู่ไกลไปสักนิดแต่คุ้มค่าที่จะสัมผัส โดยเฉพาะทิวทัศน์บนเกาะที่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงทั้งพืชพันธุ์และสัตว์ป่า พร้อมท้องทะเลอันแสนงดงามจึงมีบางคนยกให้เป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” อีกแห่ง กิจกรรมห้ามพลาดคือไปดำน้ำตื้นที่ร่องน้ำจาบัง หรือใครอยากดำน้ำลึกจะมีชาวประมงแนะนำให้ไปจุดที่พบเจอกับ “กัลปังหาสีส้ม” กัลปังหาที่หายากสุด ๆ บนโลก รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
รวมมาให้แล้วกับ10 อันดับ ประเทศที่สวยที่สุดในโลกที่อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนต้องไปเห็น ไปสัมผัสกับตัวเองสักครั้งในชีวิต!
.
#ประเทศสวยที่สุดในโลก
#Goodalltrip
มาเริ่มต้นกันที่ทวีปอเมริกา ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นปลายทางสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศในฝันของใครหลายคน นั่นก็คือประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง การขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกานั้นไม่ยากเลย แถมขอวีซ่าท่องเที่ยวทีเดียวได้ 10 ปีอีกด้วย จะกลับไปอีกกี่ครั้งก็ได้ด้วยวีซ่าเดิม สะดวกมาก ผู้คนในประเทศก็สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องไม่ยาก ทั้งยังสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูอีกด้วย
.
การท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกานั้นก็มีหลากหลายสไตล์ มีสิ่งที่น่าค้นหาหลายอย่าง หากใครชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัยไปชมธรรมชาติก็สามารถไปฝั่ง West Coast ได้ ไปแกรนด์แคนยอน อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน และอีกมากมาย หากใครชอบเล่นคาสิโนก็สามารถไปลาสเวกัส เมืองคาสิโนอันโด่งดังไปทั่วโลก หรือจะไปเที่ยวชมเมืองตามแลนด์มาร์กต่างๆ เช่น เทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก ทำเนียบขาวที่วอชิงตันดีซี สะพานโกลเดนเกตที่ซานฟรานซิสโก สวนสนุกดิสนีย์เวิลด์ที่ฟลอริด้าก็สนุกได้อารมณ์เหมือนกัน เรียกได้ว่าไปประเทศเดียวได้ครบทุกอย่างเลย
แคนาดาคืออีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวที่อยู่ถัดขึ้นมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนลงความเห็นว่าน่าอยู่ที่สุดในโลก เพราะมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม อากาศดี แถมสิ่งที่เด่นมากของแคนาดาก็คือความน่ารัก ใจดี และเป็นมิตรของผู้คน เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายหรือจะหลงทางเลย เพราะมีคนคอยช่วยเหลือเสมอแน่นอน
.
สถานที่ท่องเที่ยวในแคนาดานั้นมีมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปทางธรรมชาติอันสวยงามเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการไปชมร็อคกี้ เมาท์เท่น ที่ Banff National Park ในรัฐอัลเบอร์ต้า ซึ่งเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แถมยังมีจำนวนคนเยี่ยมชมต่อปีสูงที่สุดในโลกอีกด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องความสวยงามนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย หรือจะไปเยี่ยมชมน้ำตกไนแองการา ซึ่งบอกได้เลยว่าการชมจากฝั่งแคนาดานั้นสวยกว่าฝั่งอเมริกาเป็นไหนๆ หรือจะไปเที่ยวชมในเมือง เช่น แวนคูเวอ โตรอนโต หรือออตตาวา เมืองหลวงของแคนาดาที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในทวีปอเมริกาก็ได้
ข้ามมาชื่นชมความคลาสสิคแบบยุโรปกันบ้าง ซึ่งประเทศสุดคลาสสิคคงหนีไม่พ้นประเทศผู้ดีอังกฤษแห่งนี้นั่นเอง ที่ประเทศอังกฤษนั้นมีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอันน่าสนใจรอให้เราไปค้นหากันมากมาย และหากเพื่อนๆ ต้องการจะหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศชิลๆ ที่เหมาะแก่การนั่งจิบน้ำชายามบ่ายไปพร้อมขนมอร่อยๆ Expedia ก็คงต้องแนะนำประเทศอังกฤษเลย การเดินทางในอังกฤษนั้นก็ง่ายแสนง่าย สามารถใช้รถไฟเดินทางไปได้ทุกที่ในประเทศ ในเมืองเล็กๆ ก็สามารถเดินเล่นชมเมืองได้ตามสบาย
.
หากต้องการเก็บแลนด์มาร์กสำคัญก็สามารถใช้เวลาอยู่ในลอนดอน ไปเยี่ยมชมพระราชวังบักกิงแฮม ที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษรวมถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หรือจะไปข้ามสะพานทาวเวอร์บริดจ์แล้วไปดูหอนาฬิกาบิ้กเบนก็ได้ หากใครชอบเรื่องลี้ลับก็สามารถไปหอคอยแห่งลอนดอน ซึ่งมีเรื่องเล่าลึกลับมากมายให้เพื่อนๆ ได้ไปสัมผัสกัน ส่วนเมืองอื่นๆ ที่อยากจะแนะนำนั้นก็มีมากมาย เช่น เมืองบาธ เมืองมรดกโลกที่มีศิลปะอันสวยงามจากยุคโรมันของอังกฤษ หรือจะออกไปซาลส์เบอรี่เพื่อชมสโตนเฮนจ์ก็น่าสนใจทีเดียว
อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยว ซึ่งเป็นปลายทางสุดโรแมนติกยอดฮิตของคู่รักที่อยากไปสวีทกันต้องยกให้ฝรั่งเศสเลย หรือใครไปกับเพื่อนฝูง อยากจะไปช้อปปิ้ง เพราะใครๆ ก็รู้ว่าฝรั่งเศสเป็นเมืองแฟชั่นและเมืองน้ำหอมอันโด่งดังเลื่องชื่อ แบรนด์ไฮเอนด์ดังๆ หลายแบรนด์ก็มีจุดกำเนิดมาจากฝรั่งเศสนี่แหละ แถมใครที่รักงานศิลปะที่ฝรั่งเศสเองก็เป็นที่อยู่ของงานศิลปะอันเลื่องชื่อหลายชิ้นเลยทีเดียว
.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในปารีสก็มีมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นที่อยู่ของรูปภาพโมนาลิซาและอีกหลายภาพวาดอันโด่งดังของเลโอนาร์โด ดาวินชี ซึ่งว่ากันว่าผู้รักงานศิลปะนั้นต้องมาเห็นให้ได้สักครั้งในชีวิต หลังจากนั้นอาจแวะไปถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟล ประตูชัยฝรั่งเศส ไปนั่งเล่นชิลๆ ริมแม่น้ำแซน แล้วไปช้อปกันให้เงินหมดกระเป๋าที่ถนนช็องเซลิเซ่ ถนนช้อปปิ้งชื่อดังที่มีแบรนด์ต่างๆ ในราคาซึ่งถูกกว่าในประเทศไทยมาก ถ้าใครอยากออกไปเที่ยวนอกเมืองก็มีเมืองดังๆ อีกมากมายเช่น ลียง คานส์ มาร์กเซย์ ซึ่งเพื่อนๆ ก็สามารถดื่มด่ำไปกับชนบทฝรั่งเศสให้อิ่มเอมได้เหมือนกัน
อีกหนึ่งสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใครๆ ต่างก็ฝันอยากไป เพราะมีแลนด์มาร์กสถานที่ดังมากมายที่ใครๆ ต่างก็ต้องไปเยือน ประเทศนั้นก็คือประเทศอิตาลีนั่นเอง ประเทศอิตาลีเป็นต้นกำเนิดของศิลปะมากมาย เช่น เรื่องโรมิโอแอนด์จูเลียต ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเมืองเวโรน่าประเทศอิตาลีนี่แหละ แถมใครชอบกินพิซซ่า สปาเก็ตตี้ พาสต้า ลาซานญ่าก็สามารถหารับประทานแบบออริจินอลอร่อยๆ ได้เลยที่ประเทศอิตาลี เรียกว่าทานกันได้ไม่มีเบื่อแน่นอน
.
ประเทศอิตาลีนั้นเหมาะสมจริงๆ ที่จะได้เรียกว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยที่สุดในโลก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายที่เพื่อนๆ ทุกคนต้องรู้จักแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอเอนปิซ่า โคลอสเซียม เมืองมิลาน ศูนย์กลางแฟชั่นยุโรป เวนิส เมืองสุดโรแมนติกที่ใครหลายๆ คนต้องใฝ่ฝันจะไปเดินชมบรรยากาศนั่งเรือกอนโดล่า และสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นกรุงโรม เมืองหลวงที่มีทั้งความคลาสสิคและความโมเดิร์นอยู่ในเมืองเมืองเดียว อ้อ! หากใครอยากสมหวังในความรักอย่าลืมไปโยนเหรียญขอพรที่น้ำพุเทรวี่ด้วยนะ
ไปต่างประเทศที่ไหนดีที่ได้อารมณ์ฝรั่งจ๋าแล้วไม่ไกลจากประเทศไทย ประเทศออสเตรเลียนั้นอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเพื่อนๆ เพราะอยู่ห่างจากไทยไปไม่ไกลมากเท่าไหร่ แถมบรรยากาศนั้นยังดี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เลือกไปใช้เวลาพักผ่อน จะไปเที่ยวชมเมือง ป่าเขา ทะเล ทะเลทราย ออสเตรเลียนั้นมีให้เพื่อนๆ
ครบทุกแบบ
.
นอกจากการไปเที่ยวในตัวเมืองซิดนีย์เพื่อชมโอเปร่าเฮาส์หรือไปเมลเบิร์นแล้ว ประเทศออสเตรเลียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจอีกมากมายที่รอให้เพื่อนๆ ไปสัมผัส อย่างเช่นที่เมืองแคร์นส์ในรัฐควีนส์แลนด์ก็มีเกรตแบริเออร์รีฟ แนวปะการังอันสวยงามโด่งดังของโลกที่รอให้นักท่องเที่ยวไปดำน้ำชม หรือหากอยากชมทะเลทรายก็สามารถไปทะเลทรายเกรทวิคตอเรีย ทะเลทรายที่ใหญ่อันดับ 8 ของโลกกันได้ หรือจะไปชมโขดหินอุลูรู โขดหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้อีกด้วย
ฮ่องกงเป็นประเทศน่าเที่ยวอีกประเทศที่สามารถไปได้ง่าย มีไฟล์ทหลายไฟล์ทบินตรงจากทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดไปได้ แถมการท่องเที่ยวยังสะดวกสบาย บางร้านนั้นถึงกับมีป้ายภาษาไทยติดอยู่ด้วย เนื่องจากคนไทยนิยมไปเที่ยวกันเยอะ ช่วงเวลาที่นิยมไปเที่ยวนั้นได้แก่ช่วงที่ฮ่องกงลดทั้งเกาะ เช่น ช่วงเดือนมิถุนายน อาหารการกินนั้นก็เรียกได้ว่าถูกปากคนไทยเราอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นติ่มซำ บะหมี่ โจ๊ก เป็ดปักกิ่ง และขนมหวานน่าทานอีกมากมาย
.
คนไทยส่วนใหญ่ที่ไปประเทศฮ่องกงนั้นนิยมไปไหว้พระกัน เนื่องจากมีวัดศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก แต่ที่คนไทยนิยมไปกัน ได้แก่ วัดหวังต้าเซียน วัดกังหัน วัดนางชี หรือถ้านั่งกระเช้าไปไหว้พระใหญ่ที่เกาะลันตาก็ได้ทั้งนั่งกระเช้าชมเมืองและได้ไปไหว้พระขอพร อีกที่ยอดนิยมเลยก็คือ Repluse Bay ซึ่งมีเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าแห่งโชคลาภต่างๆ มากมาย มีทั้งไปขอให้รวย ไปขอลูก ขอความรัก เลือกกันได้ตามสบาย และหากใครชอบสวนสนุกที่ฮ่องกงนี้เองก็มีสวนสนุกระดับโลกอย่างดิสนีย์แลนด์อยู่ด้วย
ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศน่าเที่ยวที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวหลายๆ คน วัฒนธรรม บ้านเมือง ความน่ารักและมารยาทของคนญี่ปุ่นทำให้หลายๆ คนติดใจและการันตีถึงความน่าหลงใหลของประเทศแห่งนี้ และที่ขาดไม่ได้เลยคือการได้รับประทานอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ แบบดั้งเดิม รับรองเลยว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ไม่ได้ไปญี่ปุ่นเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะประเทศญี่ปุ่นไม่เคยน่าเบื่อเลยนั่นเอง
.
ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีอยู่หลายภูมิภาค และที่เป็นยอดนิยมเลยก็คือคันโต ซึ่งเป็นที่ตั้งของโตเกียว คันไซ ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของโอซาก้า นอกเหนือจากนั้นก็จะมีฮอกไกโดและคิวชู ในโตเกียวนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งวัดอาสะกุสะ พระราชวังอิมพีเรียล ฮาราจูกุ ชินจูกะ และพลาดไม่ได้เลยคือ 5 แยกชิบูย่าที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูปตอนข้ามถนนที่แยกแห่งนี้ ส่วนในแถบโอซาก้าก็มีเมืองน่าท่องเที่ยวเช่นไปชมวัดที่เกียวโต หรือไปเล่นกับน้องกวางที่นารา หากใครชอบหิมะก็สามารถขึ้นเหนือไปฮอกไกโด ซัปโปโร ไปเล่นสกี ชมกำแพงหิมะกันได้ตามความต้องการ
อันยอง ฮาเซโย เกาหลีใต้เป็นอีกประเทศน่าเที่ยวที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก ทั้งจากซีรีส์และจากหนังดัง รับรองว่าประเทศเกาหลีใต้นี้ต้องเป็นปลายทางที่สาวๆ น่าจะอยากมาส่องหนุ่มๆ อปปากันแน่นอน จะมาตามรอยซีรีส์หรือจะมานั่งร้านคาเฟ่เก๋ๆ เดินชมเมือง ใส่ชุดฮันบกถ่ายรูป กินหมูสามชั้นย่างแกล้มโซจู จะแบบไหนก็รับรองได้ว่าเกาหลีใต้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
.
และแน่นอนว่าโซลต้องเป็นที่ที่ทุกคนมุ่งหมายจะไป เพราะฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าในโซลนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง อันดับแรกคือที่เที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่พระราชวังเคียงบกกุง พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้ ไปดูบ้านโบราณที่หมู่บ้านบุกชอนฮันอก แล้วไปเกาะนามิตามรอยซีรีส์เพลงรักในสายลมหนาว จากนั้นไปช้อปปิ้งย่านเมียงดง แล้วไปชมวิวโซลแบบพาโนรามากันบนนัมซานทาวเวอร์กันเลย
อีกหนึ่งประเทศที่สวยที่สุดในโลกซึ่งสามารถไปได้โดยใช้งบไม่ถึง 10,000 บาท หากใครคิดจะไปต่างประเทศโดยใช้งบน้อยๆ ต้องนึกถึงประเทศน่าเที่ยวเช่นประเทศสิงคโปร์แห่งนี้แน่นอน เพราะสามารถไปเที่ยวได้ในเวลาอันน้อยนิดเนื่องจากเป็นประเทศเล็กๆ แต่รับรองว่าสนุก ได้อรรถรสไม่ต่างกับไปหลายวันเลย ตั๋วเครื่องบินก็แสนจะถูก บางทีมีโปรโมชั่นดีๆ ไปกลับไม่ถึง 3,000 บาท เหลือเงินไว้กินเที่ยวอีกเยอะแยะเลย ส่วนความสวยงามของสิงคโปร์นั้นอยู่ตรงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างธรรมชาติกับเมืองใหญ่นั่นเอง
.
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสิงคโปร์นั้นก็มีมากมาย ตั้งแต่การไปเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เที่ยวเล่นทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์บนเกาะเซนโตซา ไปดูธรรมชาติที่สวยงามที่ Garden By The Bay เดินชิลริมน้ำถ่ายรูปคู่กับเมอร์ไลออน หรือใครอยากจะไปเที่ยวสวนสัตว์ สวนนกจูร่ง ไนท์ซาฟารีที่สิงคโปร์ก็ดังมากๆ เช่นเดียวกัน อาหารน่าสนใจในสิงคโปร์ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบักกุดเต๋ ข้าวมันไก่ หรืออาหารทะเลก็มีให้เลือกทานกันด้วย
“วัดร่องเสือเต้น” ที่เที่ยวมาแรงแห่งเชียงราย…งดงามวิจิตร จากฝีมือศิษย์ อ.เฉลิมชัย
.
“วัดร่องเสือเต้น” ตั้งอยู่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ฝั่งด้านซ้ายทางทิศตะวันออกของเทศบาลนครเมืองเชียงราย ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดร้าง ก่อนจะพบเห็นเศษซากอิฐโบราณสถานในวัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เมื่อ 80-100 ปีก่อน จากคำบอกเล่าของคนถ้าคนแก่ เล่าว่าในสมัยนั้นยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนอาศัยอยู่มากนัก สัตว์ป่าจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะเสือ ชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมักชอบเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมาตรงที่แห่งนี้ จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆ กันมาว่า “ร่องเสือเต้น” รวมทั้งได้เรียกหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณนี้ว่า “บ้านร่องเสือเต้น” อีกด้วย
.
วัดร่องเสือเต้นถูกสร้างขึ้นเนื่องจากชาวบ้านร่องเสือเต้น ไม่มีที่ทำบุญในหมู่บ้าน เวลาทำบุญในวันสำคัญต้องไปทำบุญที่วัดอื่นทำให้คนในหมู่บ้านต่างกระจัดกระจายกันไป จึงได้ร่วมกันประชุมศึกษาคิดจะบูรณะวัดร้างตรงบริเวณนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านร่องเสือเต้น และเป็นที่ประกอบพระพุทธศาสนาในวันสำคัญ จึงบูรณะสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดร่องเสือเต้น”
.
ซึ่งความโดดเด่นของวัด อยู่ที่ “วิหารวัดร่องเสือเต้น” ได้เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 โดยมีขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 48 เมตร สร้างเสร็จเมิ่อ วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมาปีนี้ ความโดดเด่นอย่างแรกที่เห็นเมื่อมาอย่างวัดแห่งนี้ นั่นคือ วิหารที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ เพราะใช้โทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองเพิ่มความโดดเด่น โดยสีน้ำเงินฟ้าของตัววิหารนั้นแสดงถึงธรรมะของค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผลเปรียบเสมือนดังท้องฟ้าที่สดใส เป็นศิลปแนววพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ แสดงถึงการชักนำชาวพุทธให้หันกลับมาเข้าวัด และศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
.
ส่วนข้างหน้าพระวิหารนั้น จะมี “พญานาค” ตัวใหญ่ 2 ตัว อยู่คู่กัน ซึ่งเป็นศิลปะที่ สล่านก ได้นำเอารูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างบ้านดำ จ.เชียงราย นำมาประยุกต์ อาจารย์ถวัลย์นั้นขึ้นชื่อในเรื่องศิลปะเขา และงา จึงได้นำตรงนี้มาประยุกต์ใช้สร้างขึ้นโดยเฉพาะอวัยวะส่วนที่เป็นฟันพญานาค จะเห็นได้ว่ามีความโค้งงอสวยงามและมีความแหลมคม พญานาคที่นี่จึงดูมีความสวยงาม พลิ้วไหว และน่าเกรงขามไปในตัว
.
ส่วนภายในตัววิหารนั้น เมื่อเข้ามาจะพบเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการที่อยู่รอบทั่วภายใน ซึ่งเป็นภาพวิจิตรที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติต่างๆ ลายเส้นของตัวภาพนั้นจะมีความอ่อนช้อยสวยงาม ตามแบบฉบับของคนวาด และอีกหนึ่งที่งดงามอย่างยิ่งที่ต้องพูดถึง นั่นคือพระประธานที่ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” พระประธานสิงห์หนึ่งสีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร โดยมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่หมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก” ซึ่งทำให้ใครหลายคนต่างพาศรัทธาสักการะเพื่อสิริมงคลในชีวิตให้กับตัวเองอีกด้วย
.
นอกจากนั้นด้านหลังวิหาร ยังมีอีกหนึ่งความงดงามฝีมือช่างสล่านกที่ได้สร้าง พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่โดดเด่น เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติประดิษฐานตรงด้านหลัง สูงเทียบเท่ากับวิหารตัดกับสีน้ำเงินฟ้าสลับทองทำให้ดูสวยงามยิ่ง ถัดไปไม่ไกลจะเห็น “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” มีความสูง 20 เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ใครมาเยือนไม่ควรพลาดที่ต้องมาสักการะพระธาตุแห่งนี้
.
ถือว่าเป็นวัดแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังฮิตในจังหวัดเชียงราย ที่ไม่ควรพลาดในการเยือน ด้วยสีสันของวัดที่โดดเด่นและฝีมือในการสร้างสรรค์ ทำให้วัดแห่งนี้มีความสวยงามไม่แพ้วัดร่องขุนเลยทีเดียว
.
#วัดสีน้ำเงิน
#วัดร่องเสือเต้น
ใครกำลังวางแผนมาเที่ยวจังหวัดเชียงรายอยู่ แล้วยังไม่มีแพลนว่าจะไปไหน เราขอแนะนำ 10 สถานที่เที่ยวเชียงรายสุดคูลมาให้เพื่อนๆ ได้ไปเช็คอินกัน!
พระตำหนักดอยตุง หรือ พระตำหนักสมเด็จย่า ที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเชียงราย ซึ่งจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายตลอดทั้งปี โดยภายในสถานที่แห่งนั้นจะมีการจัดแสดงพันธ์ุไม้นานาชนิดที่กันเรียงรายอย่างสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเยี่ยมชม พร้อมกับเดินถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้อย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถมาเดินชมความงดงามของศิลปะอันโดดเด่นในรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนาได้อีกด้วย
พระธาตุดอยตุง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเจดีย์แห่งแรกในอาณาจักรล้านนา ที่ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกขธาตุจากประเทศอินเดียมาทำการประดิษฐานอยู่ที่นี่ จึงทำให้พระธาตุแห่งนี้นั้นกลายเป็นที่เลื่อมใสของชุมชนในหมู่บ้าน และนักท่องเที่ยวจำนวนมากซึ่งต่างพากันเดินทางมาเพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่บริเวณสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นหากใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองเชียงรายแห่งนี้แล้วละก็อย่าลืมแวะมากราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันเลย
เมื่อพูดถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองเชียงรายแล้วละก็พลาดไม่ได้เลยกับการเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้ที่ได้สร้างสรรค์การออกแบบผลงานพุทธศิลป์นี้ให้ออกมามีความงดงามจนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยผลงานชิ้นนี้นั้นจะเน้นโทนสีขาวที่เต็มไปด้วยความสว่างสดใส และลวดลายอันวิจิตรบรรจง จนทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นกลายเป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กในเมืองเชียงรายอีกด้วย
ดอยแม่สลอง หรือ แหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดของประเทศ ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก เนื่องจากภายในสถานที่แห่งนี้นั้นจะเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดอันเขียวขจี ที่นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งจิบชาไปพร้อมกับการชื่นชมไปกับบรรยากาศธรรมชาติอันเงียบสงบได้อย่างรื่นรมย์ นอกจากนี้แนะนำเลยว่าหากใครที่อยากชมต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทยแล้วละก็ สามารถเดินทางมาเที่ยวชมได้บริเวณสถานที่แห่งนี้ในช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงปลายมีนาคมเลยทีเดียว
เชียงราย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในประเทศ ดังนั้นหากใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองเชียงรายนี้แล้วละก็ไม่ควรพลาดมาลิ้มลองรสชาติกันได้ที่ ไร่ชาฉุยฟง แหล่งเพาะปลูกใบชาชื่อดัง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศของไร่ชาได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีร้านคาเฟ่บริเวณด้านบนให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งจิบชา ไปพร้อมกับการทานของหวานที่มีส่วนผสมของชาเขียวซึ่งต้องบอกเลยว่าอร่อยมากๆ หากใครที่เดินทางมาแล้วละก็แนะนำให้ลองทานชาเขียวชีสเค้กเมนูเด็ดของทางร้านเลย ห้ามพลาด
สวนแม้ฟ้าหลวง ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสวยสดงดงามของดอกไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ไม่ว่าจะเป็น ดอกกุหลาบ ดอกพิทูเนีย และต้นไม้ยืนต้นอีกนานาชนิด โดยดอกไม้แต่ละสายพันธ์ุก็จะผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ฤดูกาล เพราะฉะนั้นหากใครที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่สถานที่แห่งนี้แล้วละก็สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
สิงห์ปาร์ค เชียงราย (Singha Park Chiang Rai) หรือเรียกกันในชื่อ “ไร่บุญรอด” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ ห่างจากเขตชุมชนเมืองเชียงราย ประมาณ 9 กิโลเมตร
วัดร่องเสือเต้นเป็นอีกหนึ่งในวัดเชียงรายที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก จากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว เนื่องจากภายในวัดแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยศิลปินพื้นบ้านของเมืองเชียงรายนั้นก็คือ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ผู้ซึ่งเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานวิหารวัดให้มีความสวยงามและโดดเด่นด้วยการออกแบบในสไตล์ศิลปะเชิงประยุกต์ที่เน้นการใช้โทนสีฟ้าน้ำเงิน และสีทองเป็นหลักจึงทำให้ออกมาเป็นผลงานที่มีความงดงาม นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้บริเวณพระเศียรด้านบนให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมากราบสักการะบูชากันอีกด้วย
เมื่อพูดถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศเชียงรายแล้วนั้นก็พลาดไม่ได้เลยกับการเดินทางมาที่ ภูชี้ฟ้า สถานที่บริเวณยอดดอยบนสุดที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกมากมายในยามเช้า ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันหนาวเย็นรายล้อมไปด้วยความสวยงามของวิวทิวทัศน์เทือกเขาดอยผาหม่น ซึ่งติดกับบริเวณชายแดนไทย-ลาวที่ทอดยอดออกไปจนเกิดเป็นสัญลักษณ์ที่มีความโดดเด่นของภูเขาซึ่งพุ่งตรงเป็นแนวยาวชี้ไปทางฝากฝั่งลาว จนทำให้เกิดเป็นชื่อที่เรียกกันมาถึงปัจจุบันว่า ภูชี้ฟ้า
ภูชี้ดาว เป็นอีกหนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากของเมืองเชียงราย โดยจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นก็คือ บริเวณจุดยอดดอยสูงสุดที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศาทำให้สามารถมองเห็นความสวยงามของภูเขาเล็กใหญ่ได้โดยรอบ แถมยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกมากมายในยามเช้าได้อย่างสวยงามอีกด้วย เรียกได้ว่า หากใครที่อยากมาชมวิวทะเลหมอกยามเช้าแล้วละก็สามารถเดินทางมาชมได้ที่บริเวณสถานที่แห่งนี้เลย
ในปัจจุบันโลกของเรามีสถานที่สวยงามเกิดขึ้นมากมาย เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาด มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ วันนี้ Good All Trip ได้รวบรวม 10 สถานที่สุดแปลกที่น่าสนใจทั่วทุกมุมโลกมาให้ชมกันจะมีสถานที่ใดบ้างเราไปติดตามกันได้เลย!
สถานที่แปลกในโลกใต้ทะเล หลุมใต้สมุทรขนาดใหญ่ที่เกิดจากการยุบตัวของพื้นโลก โดยหลุมแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับแนวปะการังไลท์เฮ้าส์ (Lighthouse Reef) เป็นส่วนหนึ่งของเขตมรดกโลกแนวปะการังเบลิซ ภายใต้หลุมแห่งนี้มีชั้นหินปูนใต้ทะเลและถ้ำใต้น้ำ จัดเป็นเขตธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นที่อาศัยของปลาทะเลพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย
น้ำพุร้อนสีรุ้ง’ รูปร่างแปลกตา หรือที่เรียกกันว่า ฟลาย ไกเซอร์ (Fly Gyser) คือชนิดของน้ำพุร้อนที่มีลักษณะปล่อยกระแสน้ำร่วมกับไอน้ำออกมาเป็นระยะๆ ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความบังเอิญ เกิดเป็นน้ำพุร้อนสีสันแปลกตาแตกต่างจากหลายๆที่ในโลก
ถ้ำมหัศจรรย์อันซีนระดับโลกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เกาะเหนือทางตอนใต้ของเมืองไวกาโต ประเทศนิวซีแลนด์ ความแปลกที่ไม่เหมือนถ้ำอื่นๆ ก็คือ แสงสวยงามที่ประกายไปทั่วทั้งถ้ำ เป็นแสงที่มาจากหนอนเรืองแสงที่อยู่รวมกันหลายร้อยหลายพันตัวภายในถ้ำจนกลายมีชื่อว่า Waitomo Glowworm Caves
“หาดสีแดง” นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในเมืองผานจิ่น ในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ซึ่งสีแดงของ Red Beach เกิดขึ้นจากสาหร่ายชนิดหนึ่งที่เติบโตได้ดีในดินเค็มมองไปทางไหนก็จะเห็นสาหร่ายสีแดงเข้มนี้ไกลสุดลูกหูลูกตา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Red Beach ถึงได้ตำแหน่งบึงหนองที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปครอง
“ภูเขาโรไรม่า” ตั้งอยู่ในเมืองไรโรม่าของประเทศบราซิล ในอเมริกาใต้ บนพรมแดนที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ เวเนซูเอลา บราซิล และกายอานา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ภูเขาโรไรม่าได้กลายเป็นสถานที่สุดแปลกของโลกก็คือลักษณะของยอดเขาที่แบนเรียบเหมือนกับพื้นโต๊ะ ราวกับธรรมชาติจับปั้น ล้อมรอบด้วยผาแนวดิ่งสูง 400 เมตร
ภูเขาสีรุ้ง หรือ Rainbow Mountain สถานที่สวยสะดุดตาเหมือนภาพวาดงานศิลปะจากธรรมชาติ อยู่ในจังหวัดกานซูทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางไมล์ เทือกเขาเรนโบว์เป็นหินทรายและหินอ่อนที่สะสมทับถมกันมานานกว่า 24 ล้านปีก่อน ทำให้ตะกอนถูกนำมารวมกับธาตุเหล็กและแร่ธาตุต่างๆที่ให้ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสีสันนี้
แหล่งท่องเที่ยวแปลกๆ แนวอันซีนขึ้นชื่อของรัฐอะริโซน่า (Arizona) มหัศจรรย์ธรรมชาติของแก่งหินใต้ดินที่ถูกกัดกร่อนมาเป็นเวลานานจนเกิดเป็นลวดลายพลิ้วไหวตามแนวหิน อีกทั้งยังเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ มากมาย ปัจจุบัน Antelope Canyon จึงกลายเป็น หุบเขาที่อันตรายที่สุดและสวยจนสามารถดึงดูดใจช่างภาพทั่วโลกให้มาถ่ายภาพได้เช่นกัน
“ปามุกคาเล” เป็นภาษาตุรกี หมายถึง ปราสาทปุยฝ้าย ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว โดยลักษณะของอ่างน้ำแร่ริมเขาหินปูนแห่งนี้จะมีสีขาวโพลนไปทั้งเขา อีกทั้งบ่อน้ำแร่ริมเขาบ่อต่างๆ ก็จะเรียงลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ มีความสวยงามเกินบรรยาย
เกาะที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในเขตประเทศเยเมน ตั้งอยู่ในเขตทะเลอะราเบียน (Arabian Sea) เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเมื่อ กรกฏาคม 2008 ที่ผ่าน ด้วยเพราะขึ้นชื่อเรื่องต้นไม้รูปร่างประหลาดหลายพันธุ์ที่มีรูปทรงแปลกๆ โดยมีทั้งพันธุ์ไม้ที่มีเฉพาะถิ่นที่นี่และพันธุ์ไม้โบราณยุคดึกดำบรรพ์ที่หายากมากๆ เช่น ต้นเลือดมังกร (Twisted Dragon’s Blood ที่ว่ากันว่ามีสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค ก็มีที่นี่ทีเดียวนั่นเอง
ทะเลสาบสีชมพู (Las Coloradas) หนึ่งในสถานที่แปลกที่สุดในโลกในเขตดินแดนซีกโลกใต้ ประเทศเม็กซิโก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าเกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก จำพวก แพลงตอนสีแดง กุ้งทะเล และแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในก้อนเกลือที่รวมตัวกันในทะเลสาบจนเป็นสีชมพูเข้ม แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ ถึงแม้ว่าจะตักน้ำในทะเลสาบออกมาใส่ภาชนะอื่น น้ำที่ตักออกมาก็ยังคงเป็นสีชมพูเช่นเดียวกันกับในทะเลสาบ
อิตาลี เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในยุโรปตอนใต้ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโลกด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งทิวทัศน์ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมสีสันสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ เมืองหลายเมืองที่ตั้งริมชายหาดหรือคลองที่ประดับประดาด้วยดอกไม้น่ารักสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีเมืองโบราณและเมืองทางประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหามากมาย มีอาหารชั้นเลิศ รวมไปถึงเป็นประเทศแห่งศิลปะและแฟชั่นสุดอินเทรนด์อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองทำให้อิตาลีเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของรัฐบาลและเมืองหลวงของอิตาลี เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และความทันสมัยในเวลาเดียวกัน มีสิ่งก่อสร้างและอาคารหลายแห่งที่รู้จักกันดีในด้านสถานที่ท่องเที่ยวของโรมันโบราณและมีนครรัฐวาติกันเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ มีน้ำพุและสิ่งก้อสร้างที่สวยงามมากมายกระจายทั่วเมือง นับเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับวัฒนธรรม อำนาจและศาสนาที่มีตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าโรแมนติกเก่าแก่ไปจนถึงมหาวิหารที่งดงาม
เมืองหลวงแห่งแคว้นกัมปาเนียที่อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี เมืองเนเปิลส์เป็นสถานที่อันล้ำค่าสำหรับชื่นชมงานศิลปะและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ รวมไปถึงเป็นเมืองที่มีบรรยากาศอันสดใสของร้านค้า ร้านอาหาร และย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืน มีอาหารอิตาเลียนที่ผู้คนชื่นชอบมากมายอย่างเช่น พิซซ่า สปาเก็ตตี้หรือพิมมิจิน่าที่เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนประกอบที่สดใหม่จากท้องถิ่น ที่สำคัญนั้นเมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น อ่าวเนเปิลส์และเมืองโบราณที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และเหตุการณ์สุดสะเทือนใจอย่างเมือง Pompeii อีกด้วย
เมืองที่ประกอบไปด้วยหมู่บ้าน5 หมู่บ้านที่แสนจะน่ารัก อันได้แก่ Monterosse , Vernazza , Manarola , Corniglia และ Riomaggiore ที่ตั้งเรียงรายบนพื้นที่ชายฝั่งทางทะเลตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Liguria ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอันประกอบไปด้วยหน้าผาสูงชัน มีเส้นทางเดินป่าหลายพันปีที่สามารถชมทิวทัศน์ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม และเส้นทาง Blue Trail ที่เป็นเส้นทางที่ปูเชื่อมหมู่บ้านทั้ง 5 แห่งเข้าด้วยกัน
เมืองหลวงของแคว้นทัศคานี อันเป็นที่ตั้งของผลงานทางศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลป์มากมาย จึงจัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะของโลกอีกทั้งยังได้รับการจัดให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกอีกด้วย มีบ้านของศิลปินชื่อดังมากมายตั้งอยู่ในเมืองนี้ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงได้แก่ Duomo โบสถ์ที่มีโดมเป็นเป็นกระเบื้องดินเผา ออกแบบโดย Brunelleschi และหอระฆังโดย Giotto Galleria ภายในมีแกลลอนี่จัดแสดงผลงานของศิลปินชื่อดังที่เก่งหลายแขนงอย่างดาวิชชีด้วย นอกจากนั้นยังมี Ponte Vecchio สะพานชื่อดังที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่รอดพ้นจากระเบิดทำลายล้างของกองทัพนาซีอีกด้วย
เมืองที่เกือบถูกทำลายทิ้งจากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปัจจุบันนั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และยังได้นับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่นที่โดดเด่น มีร้านค้าของดีไซเนอร์มากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่งเช่น ปราสาท Sforzesco , มหาวิหารมิลาน , ภาพวาดกระยาหารมื้อสุดท้ายของดาวินชี และเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลชื่อดังเอซีมิลานด้วย
หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติก แน่นอนว่าหลายคนย่อมต้องนึกถึงเวนิสอย่างแน่นอน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยทะเล Adriatic เวนิสเป็นหมู่เกาะที่ปะกอบด้วยเกาะ 118 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานสวยงาม มีอาคารบ้านเรือนตั้งอยู่ริมคลองอันงดงาม มีเส้นทางเดินที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ และมีกิจกรรมยอดฮิตอย่างการล่องเรือชมคลองอีกด้วย
เมืองโบราณที่มีชื่อเสียงซึ่งถูกฟังใต้เถ้าภูเขาไฟหลายฟุตเป็นเวลาเกือบ 1700 ปีหลังจากเหตุการณ์การปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟวิสุเวีย Pompeii ตั้งอยู่ใกล้เมืองสมัยใหม่ของ Naples ทัวร์ของ Pompeii มุ้งเน้นการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจในชีวิตประจำวันของผู้คนโรมันโบราณ การเข้าชมนั้นจะเดินไปตามถนนโบราณเพื่อดูซากของอาคารต่างๆ มีรูปหล่อปูนปลาสเตอร์ที่หล่อจากโครงสร้างของคนจริงๆ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งนอกจากจะเห็นชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีภาพสุดสะเทือนใจหลายภาพรวมอยู่ด้วย
ชายฝั่งยอดนิยมของอิตาลี มีเมือง Sorrento เป็นเมืองที่โรแมนติกแห่งหนึ่งด้วยวิลล่าหลากสีสันและรีสอร์ตสไตล์ริตซี่มากมาย พร้อมชายหาดสีขาวที่งดงาม มีเทือกเขาสวยๆ รายล้อม มีพลาซ่าน่ารักๆ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเรียงรายอยู่ภายในเมือง มีเมือง Ravello ที่เป็นแหล่งรวมวิลล่าน่ารักราคาแพงที่มีสวนสวยและงานศิลปะให้ได้ชม
เกาะที่ใหญ่ที่สุดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซิซิลี เป็นบริเวณพื้นที่อิสระของอิตาลีที่ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กหลายแห่งด้วย เกาะแห่งนี้แยกออกจากพื้นที่แผ่นดินใหญ่ของ Calabria ตามช่องแคบเมริสสา บ้านในเกาะแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบ้านแห่งอารยธรรมเมดิเตอร์เรเนียนทุกแห่งที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นที่สุดของเกาะนี้คือ Mount Etna ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในยุโรป
เป็นชื่อของแคว้นที่มีชื่อเสียงในอิตาลี ที่ประกอบไปด้วยภาพภูเขาที่สวยงาม สวนมะกอก สวนองุ่น และค้นไซเปรส ความสุขของการท่องเที่ยวเมืองแห่งนี้จึงหนีไม่พ้นการชิมไวน์ใน Chianti ไปผ่อนคลายที่เมืองบนเนินเขา เช่น San Gimignano หรือเที่ยวชมศิลปะ Renaissance ในเมืองฟลอเรนซ์ หรือจะไปเที่ยวชม Elba ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Tuscan ซึ่งมีชายหาดที่ยอดเยี่ยมอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์อีกแห่งที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในอิตาลี และยังมี Pisa ที่มีหอเอนปิซาที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย
จอร์เจียมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าสวยสุด ๆ จนต้องหยุดหายใจ สำหรับใครที่อยากไปเที่ยว วันนี้ Good All Trip มี 10 สถานที่เที่ยวจอร์เจียมาฝากกันไปดูกันเลย!
สำหรับใครที่ชื่นชอบความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณคงไม่อยากจะพลาดที่จะไปชมความสวยงามของโบสถ์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ จอร์เจีย ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า 2,170 เมตร ภายใต้ยอดเขา Kazbegi ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Gergeti ในเมือง Stepantsmindaโดยตัวโบสถ์นั้นสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 เป็นคริสตจักรที่ผสมผสานแบบออร์ทอดอกซ์ และ Apostolic Church แน่นอนว่าต้องมีความสวยงามแต่ยังไม่ลืมความคลาสสิคแถมยังได้วิวภูเขาทางด้านหลังชวนให้คุณได้หลงไหลอย่างแน่นอน
เมืองหลวงของจอร์เจียถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่แต่คลาสสิค สวยงามในตัวเองอย่างมาก ที่นี่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาเขาริมแม่น้ำ Mtkvari รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นเพื่อการทำไวน์ แน่นอนว่าจอร์เจียก็เด่นเรื่องการทำไวน์ไม่แพ้ที่อื่นใครได้แวะเวียนมาอย่าลืมรสไวน์ของประเทศเขาด้วยล่ะ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีความงดงาม หรือจะเป็นโบสถ์ชื่อดัง ทั้ง 3 แห่งอย่าง Svetitskhoveli Cathedral, Samtavro Church and Monastery และ Mtskhetis Jvari ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นโลกทางวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง Shio-Mgvime monastery, Chateau Mukhrani Wine Tour และ Bebris Tsikhe Fortress สำหรับใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมยุคกลางต้องไม่พลาด
Vardzia สถานที่สำคัญของจอร์เจีย เป็นอารามถ้ำหินที่อยู่ริมหน้าผาของภูเขา Erusheti ใกล้กับแม่น้ำ Kura ในเมือง Aspindza เขตซัมซเค-จาวาเคตี (Samtskhe-Javakheti) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 สถานที่แห่งนี้มีความคล้ายกับ Uplistsikhe เป็นอย่างมาก ซึ่งภายในถ้ำมีทั้งหมด 19 ชั้น แบ่งเป็นห้องเล็กห้องน้อยมากกว่า 400 ห้อง โดยบริเวณ Church of the Dormitionเป็นจุดสำคัญและมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ นับเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาชมความงดงามของสถานที่แห่งนี้ ในความรู้สึกของเราเหมือนได้หลุดไปอยู่ในภาพยนตร์ใดสักเรื่องนึงเลยล่ะ มีทั้งความขลังและความคลาสสิคอยู่ในตัวชวนให้สะกดสายตา
สถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือสถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่าง โบสถ์เกอลาติ ที่ปัจจุบันได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกแล้ว สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1106 ในช่วงยุคทองของเศรษฐกิจและการเมืองของจอร์เจียเลยก็ว่าได้ ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่ทุกวันก็ยังสามารถชมความงามได้อยู่ นอกจากด้านนอกจะมีความสวยงามควรค่าแก่การมาชมแล้วภายในโบสถ์ก็ยังมีมีจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู และนักบุญต่างๆ ของศาสนาคริสต์ให้ชมอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากมาดูสถาปัตยกรรมศตวรรษที่ 8-7 ก่อนคริสตกาลต้องมาที่เมืองนี้เลยเมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) บริเวณถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคการเริ่มต้น เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่อย่างมากซึ่งในอดีตบริเวณพื้นที่นี้เป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าระหว่างหมู่บ้านมทวารี ไปยังทะเลดำและต่อไปยังด้านตะวันตก ทำให้บริเวณแห่งนี้เกิดเป็นเมืองต่างๆ และอัพลิสต์ซิเคห์ก็เป็นเมืองหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการค้า ที่นี่ถูกสร้างขึ้นภายในถ้ำมีเนื้อที่กว้างประมาณ 50 ไร่ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนใต้ ส่วนกลางและส่วนเหนือนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางไปชมบริเวณส่วนกลางเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย แน่นอนว่าถ้ำแห่งถูกเก็บรักษาไว้แบบดั้งเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงทำให้ยิ่งดูมีความเก่าแก่คลาสสิคและสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่หลงใหลในการเล่นสกีหิมะ ประเทศจอร์เจียนั้นตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาคอเคซัส ทำให้สถานที่แห่งนี้มีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง กระจายไปทั่วประเทศ แต่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็ต้องยกให้เมือง Stepantsminda ซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขาคอเคซัสที่มีความสูงมากกว่า 2,200 เมตร ยิ่งเป็นบริเวณ Gudauri Ski Resort จะมีลานสกีขนาดใหญ่และยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายเอาเป็นว่าเหมือนคุณได้ไปพักผ่อนพร้อมมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้คุณได้เล่นคลายเครียด
เมืองหลวงของจอร์เจียตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Mtkvari เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 5 ซึ่งผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมของยุคกลาง สถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก สถาปัตยกรรมโบซาร์ สถาปัตยกรรมสตาลิน และสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล และยังถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงพร้อมกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สถานที่แห่งเป็นที่นิยมของเหล่าช่างภาพจำนวนมากเพราะความสวยงามและสภาพแวดล้อมที่ลงตัวแบบที่เมื่อได้มาลองสัมผัสครั้งแรกแล้วก็อยากจะกลับมาสัมผัสอีกสักครั้ง
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของเทือกเขาคอเคซัสกันมาบ้างแล้ว เพราะภูเขาที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสูงขนาดใหญ่ ทำให้ภูเขาแห่งนี้ทำหน้าที่แบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย ถือเป็นเทือกเขาที่สำคัญในแถปยุโรปเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าในวิชาภูมิศาสตร์เราคงต้องเคยเจอชื่อของเทือกเขาแห่งนี้กันมาบ้าง แต่ถ้าพูดถึงแง่ของสถานที่ท่องเที่ยว ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวที่สวยงามไกลสุดลูกหูลูกตาได้ แต่ก่อนที่จะได้ชมวิวที่สวยงามนั้นการเดินทางไปที่นี่ค่อนข้างทรหดพอสมควรเพราะฉะนั้นใครที่เมารถต้องระวัง และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง
เมือง Tbilisi ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace) สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบดั้งเดิมที่ออกแบบโดย Michele De Lucchi ซึ่งสะพานแห่งนี้มีความยาว 150 เมตร แน่นอนว่าสะพานแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาชมความสวยงามของสะพานแห่งนี้ ที่นี่ยังสามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมืองไม่ว่าจะเป็น illuminating หรือนั่งกระเช้าชมจากมุมสูงก็ยังได้แล้วยิ่งเป็นช่วงกลางคืนก่อนพระอาทิตย์จะตกดินจะมีการแสดงแสงสีบริเวณสะพานเป็นเวลา 90 นาทีชวนให้คุณมาเก็บภาพบรรยากาศ สะพานแห่งนี้ถูกเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2010
วิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral) ที่เรียกกันว่า Sameba ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของจอร์เจีย สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1995-2004 เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของคริสตจักรออร์โธดอก และเป็นวิหารที่สูงที่สุด อันดับที่ 3 ของโบสถ์ออร์โธดอกในโลก สถานที่แห่งนี้โดดเด่นอย่างมากจึงทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันมาชมความงดงามของสถาปัตยกรรมของสถานที่แห่งนี้ สำหรับใครที่เดินทางมายังเมือง Tbilisi คงจะไม่อยากพลาดที่จะมาชมความงดงามของวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซีอย่างแน่นอน ว่ากันว่าถ้ามาจอร์เจียแล้วไม่ได้มาสถานที่แห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงกันเลย
จังหวัดพังงา โด่งดังไปทั่วโลกด้วยการที่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง James Bond 007 : The Man with the Golden Gun – เจมส์ บอนด์ 007 ตอนเพชฌฆาตปืนทอง เมื่อปี 1974 (พ.ศ. 2517) ซึ่งทำให้เขาตาปูเป็นที่รู้จัก จนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ พังงา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งป่าชายเลน เกาะน้อยใหญ่ ภูผาแปลก ทะเลสวย และน้ำตก ที่เรามัดรวมมาให้แล้ว กับ 20 ที่เที่ยวพังงา สุดยอดที่เที่ยวโดนใจที่ต้องห้ามพลาด!
ตั้งอยู่ที่ตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา มีลักษณะเป็นป่าประเภทป่าดงดิบหรือป่าฝน วนอุทยานฯ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีลำธารไหลจากป่าต้นน้ำที่อยู่บนสันเขาผ่านหุบเขาทั้งพื้นที่ราบ และพื้นที่ต่างระดับทำให้เกิดน้ำตกขนาดเล็ก มีไม้ทางเศรษฐกิจ สัตว์ป่า ได้แก่ เลียงผา ลิง ค่าง สถานที่น่าสนใจภายในเขตวนอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกสระนางมโนราห์ ถ้ำเปลือกหอย ถ้ำขี้ค้างคาว ถ้ำแก้ว ภายในวนอุทยานฯ ไม่มีบ้านพัก แต่มีสถานที่กางเต็นท์บริการนักท่องเที่ยว เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
หาดบางสัก อยู่ในตำบลบางม่วง ริมถนนสายเพชรเกษม สายท้ายเหมือง-ตะกั่วป่า กิโลเมตรที่ 76-77 มีทางแยกซ้ายมือเข้าไป 100 เมตร ชายหาดบางสักมีหาดทรายขาวสะอาดยาวขนานกับทิวสนร่มรื่น เล่นน้ำได้ ยามเย็นจะมีชาวบ้านนักท่องเที่ยวมานั่งชมรอพระอาทิตย์ตกอยู่เสมอ ชายหาดจะมีที่พัก และร้านอาหารบริการ
ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางตะกั่วป่า-เขาหลัก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นชายหาดกว้างที่มีซากปะการังชายหาดวางเกลื่อนกลาดไปด้วยซากปะการังชนิดต่าง ๆ ที่ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาไว้บนพื้นทรายเป็นที่จอด เรือของชาวประมงท้องถิ่น มีแนวปะการังน้ำตื้นพ้นน้ำให้เห็นเป็นแนว จึงได้ชื่อว่าแหลมปะการัง สามารถลงเล่นน้ำได้ในบรรยากาศโรแมนติก ร่มรื่นด้วยแนวต้นสน ริมชายหาด ส่วนช่วงเย็นเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
อนุสรณ์สถานสึนามิ เรือ ต.813 ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านบางเนียง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า ก่อนเกิดเหตุเรือลำนี้เป็นเรือในหน่วยงานกรมตำรวจ เป็นเรือตรวจการณ์ 813 หรือที่คนทั่วไปในนาม ต.813 จุดประสงค์หลักในการปฏิบัติหน้าที่ คือ ถวายความปลอดภัย และรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทางน้ำ รักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความมั่นคงของรัฐ สิ่งแวดล้อม สืบสวนสอบสวน ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ค้นหาและช่วยเหลือเรืออากาศยาน และผู้ประสบภัยทางน้ำ ประสานงานหรือสนับสนุนปฏิบัติงานของหน่วยงาน กับองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนเกินเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ให้เดินทางไปถวายการอารักขาทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ และครอบครัว ที่จังหวัดพังงา จึงออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ไปประจำการในเรือทั้งหมด 11 คน โดยมี ร.ต.อ.นิรัตน์ ช่วยจิตต์ เป็นหัวหน้าควบคุมเรือ เรือ ต.813 จอดอยู่ในทะเล บริเวณโรงแรมลาฟลอล่า ห่างจากฝั่งประมาณ 1 ไมล์ทะเล กระทั่งเกิดเหตุการณ์สึนามิ ซัดถล่มชายฝั่งอันดามัน ความแรงของคลื่นซัดพาเรือ ต.813 จากชายฝั่งมาประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่ตั้งใจจะกู้เรือ ต.813 กลับหน่วย แต่มีคำสั่งให้คงไว้อย่างนั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานหรืออนุสาวรีย์ เตือนความทรงจำว่าแรงปะทะของคลื่นสึนามินั้นแค่ไหน เรือ ต.813 หนักถึง 60 ตัน ตอนวิ่งชนคลื่นวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 น็อต ยังสู้แรงปะทะไม่ได้ แถมย้ายเรือห่างจากฝั่งกิโลเมตรเศษข้ามถนน ขึ้นไปอยู่บนเชิงเขาความสูงเท่ายอดมะพร้าว จึงไม่แปลกเลยที่มีผู้สูญเสียไปมากมาย และทำลายชุมชนขนาดย่อม ตึกโรงแรมให้หายไปชั่วไม่กี่นาที และเหตุการณ์ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานบน เรือ ต.813 เสียชีวิต 1 ท่าน คือ จ่าสิบตำรวจยุทธกร หนูเลขา จากวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 จนถึงทุกวันนี้เรือยังคงอยู่บริเวณเดิมไม่เคลื่อนย้าย และยังคงอยู่ลักษณะเดิม ๆ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานต่อไป
.
อยู่เชื่อมระหว่างสะพานสารสิน-สะพานเทพกษัตรี ระหว่างจังหวัดพังงาและภูเก็ต จากทางหลวงหมายเลข 4 ตรงเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 402 ก่อนถึงเกาะภูเก็ตบริเวณช่องแคบปากพระ ซึ่งพื้นที่ชายหาดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยหาดทรายทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งบริเวณชายหาดแห่งนี้จะมีเต่าขึ้นมาวางไข่อยู่ทุก ๆ ปี
ตั้งอยู่ที่ฐานทัพเรือทับละมุ เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ เป็นแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล รวมทั้งทางด้านชีววิทยาเกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเลตามบนชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมทั้งอนุบาลลูกเต่าทะเล เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ทั้งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจที่นี่จะเปิดให้เข้าชมเวลา 08.30-16.30 น.
ตั้งอยู่ที่ บ้านหินสามก้อนตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง ชื่อของน้ำตกแห่งนี้เป็นภาษามอญ เนื่องจากเมื่อครั้งสงครามยังสีเกาะทัพ มีชาวมอญหนีพม่าเข้ามาตั้งชุมชนบริเวณเหนือน้ำตก จึงเรียกชื่อ น้ำตกรามัญ ซึ่งเป็นสายน้ำไหลเลาะลงชั้นหินลดหลั่นกันมากถึง 8 ชั้น มีขนาดแต่ละชั้นที่แตกต่างกันไม่มากนัก รวมทั้งมีแอ่งน้ำหลายแห่ง สามารถลงเล่นได้ เหนือน้ำตกไปเป็นลำธารน้ำใส ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ นานาชนิดทั้งต้นไม้ใหญ่ และพืชจำพวกเฟิน อีกยังได้บรรยากาศของความร่มรื่นและความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
เป็นวัดเก่าแก่ ชื่อเดิมคือ วัดบางเหรียง ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการของอำเภอทับปุด ประมาณ 11 กิโลเมตร บริเวณวัดล้อมรอบด้วยภูเขาที่สมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่ ในวัดมีถาวรวัตถุทางธรรมที่สำคัญ คือ พระธาตุเจดีย์เทพนิมิต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานนามว่า “พระมหาธาตุ เจดีย์พุทธธรรมบันลือ” ลักษณะของตัววัดตั้งอยู่บนเขาล้าน เจดีย์เป็นรูประฆังคว่ำ โดยมีพระพุทธรูปล้อมรอบฐาน อีกทั้งยังเป็นวัดที่มีภูเขาล้อมรอบสวยงาม
อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2529 มีพื้นที่ทั้งหมด 45,000 ไร่ แยกออกเป็นสองส่วน คือ เทือกเขาลำปี ประกอบด้วยภูเขาหลายลูกเรียงเป็นแนวยาว ส่วนใหญ่เป็นหินอัคนี อายุอยู่ในช่วง 60–140 ล้านปี สภาพป่าเป็นป่าดงดิบ มียอดเขาสูงสุด คือ ยอดเขาขนิม สูงประมาณ 622 เมตร และหาดท้ายเหมืองซึ่งอยู่ริมทะเลฝั่งอันดามัน
สถานที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ ได้แก่ หาดท้ายเหมือง ชายหาดขนานไปกับทางหลวงแผ่นดิน มีความยาวกว่า 13 กิโลเมตร น้ำทะเลใส พร้อมด้วยกิจกรรมเดินดูเต่าไข่ในตอนกลางคืนเดือนหงาย และช่วงที่ไข่เต่าฟักเป็นตัวจะมีการปล่อยเต่าลงทะเล เรียกว่า ประเพณีปล่อยเต่า จัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี, ทุ่งเสม็ด ทางตอนกลางของหาดท้ายเหมืองเป็นป่าเสม็ดขาวล้วน, น้ำตกโตนไพร เป็นน้ำตกที่มีความสูงใหญ่ เกิดจากเขาโตนย่านไทร สภาพป่าโดยรอบร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่และน้ำตกเขาลำปี เป็นน้ำตกขนาดกลาง มี 4 ชั้น เป็นแหล่งชมปลาที่น่าสนใจเพราะมีปลาหายาก อย่างเช่น ปลาพลวงชมพู รวมทั้งปลาสร้อยนกเขาและปลาซิวน้อย-ใหญ่อีกหลายชนิด
น้ำพุร้อน บ้านบ่อดาน เป็นของเอกชน รอบบริเวณจัดเป็นสวนสวยงามร่มรื่น มีน้ำแร่อุ่น ๆ ไหลวนเวียนอยู่ในสระ เหมาะสำหรับการแช่เพื่อการพักผ่อนคลายความเครียด บรรเทาอาการปวดข้อ กระดูก เหน็บชา ตลอดจนบำรุงผิวพรรณและเส้นผม เวลาเปิดทำการเวลา 08.00-22.00 น.
เมืองที่เต็มไปด้วยร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเก่า ในสมัยยุคทองของเหมืองแร่ดีบุก เห็นได้จากอาคารบ้านเรือนร้านค้า ของจีนแบบชิโนโปรตุกีส บริเวณถนนอุดมธารา และบริเวณถนนศรีตะกั่วป่า (ตลาดใหญ่) ลักษณะเป็นตึกแถวสองชั้น ก่ออิฐถือปูน คล้ายกับตึกแถบเมืองในภูเก็ต โดยมีลวดลายบริเวณช่องลมและระเบียง จะมีซุ้มประตูโค้งตามทางเดินด้านหน้า แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจเหมืองแร่จะเลิกร้างไปนานแล้ว แต่ความเป็นตึกเก่าโบราณยังคงหลงเหลืออยู่มาก แม้ปัจจุบันธุรกิจที่นี่จะเพิ่มมากขึ้น แต่การเปิดให้ชมตึกแถวสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส และชิมอาหารพื้นบ้านในทุกวันอาทิตย์ช่วงฤดูท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ อยู่ห่างจากอำเภอตะกั่วป่า 33 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอกะปง และอำเภอเมือง พื้นที่อุทยานฯ มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ได้แก่ เขาหลัก, เขาแสงทอง, เขาไม้แก้ว และเขาปลายบางโต๊ะ โดยมียอดเขาสูงที่สุดประมาณ 1,077 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญในจังหวัดพังงา ได้แก่ แม่น้ำพังงา และแม่น้ำตะกั่วป่า สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น หาดเล็ก จุดท่องเที่ยวเป็นชายหาด สำหรับชมบรรยากาศและลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้ ภายในอุทยานฯ ยังมีบ้านพักและเต็นท์บริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่
วัดนารายณิกายาราม เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์ เทวรูปพระลักษณ์ องค์จำลอง ซึ่งองค์จริงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และเทวรูปพระแม่นางสีดา (นางสีดา) ซึ่งเป็นองค์จริง นอกจากนี้ยังพบศิลาจารึกอายุ 1,300-1,400 ปี ที่ขุดได้บริเวณยอดเขาเรียงกันอยู่ภายในวัด รูปสลักเหล่านี้มีความสำคัญเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองกะโกลา (ชื่อเดิมของเมืองตะกั่วป่า) และการเผยแพร่เข้ามาของวัฒนธรรมอินเดียในภูมิภาคตอนนี้
มีพื้นที่ประมาณ 250,000 ไร่ ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งที่สองของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเล และเกาะน้อยใหญ่ มีเขาหินปูนลักษณะต่าง ๆ ที่มีความงามแตกต่างกันไปตามลักษณะของหิน สมบูรณ์ด้วยป่าชายเลน และยังเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำอีกด้วย ช่วงที่เหมาะจะมาท่องเที่ยว คือ เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเป็นช่วงที่ฝนตกชุก คลื่นลมแรง
สถานที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ ได้แก่ เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็ก ๆ มีที่ราบประมาณ 1 ไร่ มีบ้านเรือน 200 หลังคาเรือน ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพประมง ขายของที่ระลึก และขายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว มีโรงเรียน และสถานีอนามัยอยู่บนเกาะ อีกทั้งยังมีสนามฟุตบอลลอยน้ำที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก, เขาหมาจู อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี เขาหมาจู เป็นภูเขาหินมีลักษณะคล้ายรูปสุนัขแบ่งเป็นส่วนหัว ลำตัวและหางเป็นพู่, เกาะพนัก เป็นเกาะที่สวยงาม มีถ้ำหินงอก หินย้อย และมีแอ่งน้ำตกขนาดเล็กเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันอยู่ในถ้ำด้วย
เกาะเล็ก ๆ ที่นี่ถือเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา เพราะเกาะปันหยีเป็นเกาะที่มีชุมชนชาวประมงโบราณอาศัยอยู่กว่า 200 ปีมาแล้ว ด้วยการตั้งหมู่บ้านบริเวณพื้นที่ราบริมชายฝั่งของเกาะเป็นที่หลบฝน มีการสร้างบ้านโดยการยกพื้นสูงเหนือน้ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ภายในบริเวณเกาะจึงได้มีการสร้างมัสยิดให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน รวมทั้งมีการสร้างแพสำหรับใช้เล่นฟุตบอลบนน้ำอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตร ความเงียบสงบของเกาะจึงเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวที่เกาะอีกด้วย
ถ้ำพุงช้าง เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักรักการผจญภัย เพราะต้องนั่งแพและเรือแคนู อีกทั้งยังต้องเดินลุยน้ำเข้าไปถึงจะได้พบกับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ และตื่นตาตื่นใจไปกับหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติอันสวยงามวิจิตรพิสดาร ถ้ำพุงช้างอยู่ภายในบริเวณวัดประจิมเขต มีธารน้ำไหลตลอดปี ประกอบด้วยถ้ำเล็กถ้ำใหญ่มากมาย อีกทั้งยังเป็นถ้ำที่ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เคยเสด็จฯ มาเยือน และได้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้ทางด้านหน้าของถ้ำพุงช้างอีกด้วย
การที่ภายในมีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำแสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายก่อให้เกิดประกายดั่งเพชร มีลักษณะรูปร่าง ๆ ต่าง ๆ กันไป เช่น รูปคนตกปลา รูปแป๊ะยิ้ม รูปปลา โดยเฉพาะช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งการเดินเที่ยวถ้ำพุงช้างจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมง นอกจากความสวยงามแล้วถ้ำพุงช้างยังเป็นแหล่งที่สองของประเทศไทยที่มีการค้นพบค้างคาวคุณกิตติซึ่งเป็นค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
เกาะพระทอง อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง มีเกาะบริการที่อยู่ติดทะเลอันดามัน และมีเกาะขนาดเล็กต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนอีกถึง 37 เกาะ เกาะแห่งนี้ได้รับการตั้งสมญานามว่า เป็นซาฟารีกลางอันดามัน ด้วยลักษณะของเกาะที่มีพื้นที่ราบเป็นส่วนใหญ่ มีชายหาดด้านทิศตะวันตก ป่าชายเลนด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก บนเกาะเป็นทุ่งหญ้า ป่าเสม็ด และป่าพรุ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของซาฟารีที่ประเทศแอฟริกา มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่บนเกาะทำให้ที่นี่มีเสน่ห์เหนืซึ่งเกาะพระทองนั้นเหมาะสำหรับคนรักการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสวยอย่างเป็นส่วนตัว ความงามทางธรรมชาติบนบกนั้นว่าน่าตื่นตาแล้ว ในขณะที่ใต้น้ำก็งดงามไม่แพ้กัน ชายหาดสวยน้ำทะเลใส ปะการังก็มีให้ชม แถมยังนั่งเรือข้ามไปเที่ยวเกาะระ ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะพระทองได้อีกหนึ่งต่อด้วย
เกาะยาว มีพื้นที่ประมาณ 137.6 ตารางกิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เกาะยาวประกอบด้วยเกาะ 2 เกาะ คือ เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ล้อมรอบด้วยเกาะเล็ก ๆ และอ่าวที่น่าสนใจ ได้แก่ หาดป่าหราย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเกาะยาว บนเกาะยาวน้อย ประมาณ 7 กิโลเมตร หาดทรายขาวสะอาด ทิวไม้ร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้, หาดท่าเขา อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเกาะยาวน้อย 5 กิโลเมตร บนหาดทรายมีหินเล็ก ๆ หลากลวดลาย ห่างจากฝั่งออกไปเล็กน้อยมีเกาะเล็ก ๆ ยามน้ำแห้งสามารถเดินไปเที่ยวเกาะเหล่านี้ได้สะดวก บนเกาะมีไม้ป่าและกล้วยไม้ขึ้นอยู่ทั่วไป
เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า มีพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่บนบกประมาณ 20,594 ไร่ ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ, เกาะสุรินทร์ใต้, เกาะไข่ (เกาะตอรินลา), เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์สวยงาม มีปลาสีสันต่าง ๆ มากมาย เป็นแหล่งเหมาะสำหรับชมปะการังน้ำตื้น โดยเฉพาะเกาะตอรินลาและเกาะปาจุมบา
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ภายในตำบลเกาะพระทอง มีพื้นที่ 80,000 ไร่ และได้ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2525 ส่วนชื่อของ “เกาะสิมิลัน” สิมิลันเป็นภาษายาวี หรือ มลายู แปลว่าเก้า หรือ หมู่เกาะเก้า เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามันมีทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง, เกาะปายัง, เกาะปาหยัน, เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน), เกาะปายู, เกาะหัวกะโหลก (เกาะบอน), เกาะสิมิลัน และเกาะบางู เป็นต้น ส่วนบริเวณที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่เกาะเมี่ยง เพราะเป็นเกาะที่มีน้ำจืด ส่วนเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนเป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด และเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนเป็นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีคลื่นลมแรง เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ทางอุทยานฯ จะมีการประกาศปิดเกาะในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีสถานที่เที่ยวสวย ๆ ที่ไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้เลย ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา น้ำตก รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรม และวิถีชาวบ้าน ก็มีความงดงามอย่างยิ่ง
มีเนื้อที่ประมาณ 356,250 ไร่ หรือ 570 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2517 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 9 ของประเทศไทย
จุดชมวิวเขาธง ตั้งอยู่บ้านเขาธง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ไกลจากหมู่บ้านคีรีวง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชภูมิใจนำเสนอ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นสถานที่สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีป้ายเขียนว่า อากาศดีที่สุดในประเทศไทย มีร้านกาแฟบรรยากาศแบบท้องถิ่น น่านั่งจิบกาแฟดื่มด่ำไปกับเสียงทักทายของธรรมชาติ นอกจากนี้ บริเวณด้านล่างของจุดชมวิวเป็นสำธารน้ำใส สามารถลงเล่นน้ำได้ ใครอยากพักผ่อนค้าง 1 คืน มีที่พักบรรยากาศดี ชื่อว่า เขาธงรีสอร์ท รีสอร์ทเล็กบรรยากาศสบาย ตรงข้ามจุดชมวิว หากใครผ่านไปแถว ลองขับรถผ่านเลยไปตามถนนเส้นหลังหมายเลข 4015 ที่มุ่งหน้าไปอำเภอฉวาง จะได้ชมวิวสองข้างทางของถนนสายนี้สวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ
กรุงชิง เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนโดยมีใจกลางเป็นที่ราบแอ่งกระทะและมีสายน้ำคลองกลายไหลผ่านหล่อเลี้ยงชีวิตชาวกรุงชิงมาตั้งแต่สมัยอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการผจญภัย หลงใหลในความเงียบสงบและธรรมชาติที่สวยงามของผืนป่า เขียวขจี กรุงชิง ชุมชนเล็ก ในพื้นที่ อำเภอ นบพิตำ จังหวัด นครศรีธรรมราช มีสถานที่ท่องเที่ยว และมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ถ้ำ น้ำตก ล่องแก่ง ภูเขา ทะเลหมอก ที่อยากให้คุณได้มาสักครั้ง
เขาพลายดำ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งทะเลใต้ เป็นเขาที่มีลักษณะเป็นภูเขาที่ติดทะเลตรงแนวรอยต่อ เขตอำเภอขนอมและอำเภอสิชล อยู่ห่างจากตัวเมือง นครศรีธรรมราช ประมาณ 86 กม. เป็นทะเลที่มีธรรมชาติที่แสนสงบและมีจุดชมวิวเขาพลายดำที่สามารถเห็น อ่าวท้องยาวได้ในมุมกว้าง
เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของนครศรีธรรมราช โดดเด่นด้วยหาดทรายที่ยื่นยาวออกไป ในทะเลคู่กับทิวสน มีหาดทรายยาวกับทิวมะพร้าว หาดที่มีชื่อเสียงของนครศรีธรรมราช โดดเด่นด้วยหาดทรายที่ยื่นยาวออกไป ในทะเลคู่กับทิวสน มีอ่าว ต่าง ๆ เช่น อ่าวท้องหยี อ่าวท้องยาง อ่าวคอเขา อ่าวหน้าด่าน อ่าวแฝงเภา อ่าวท้องชิง อ่าวในเพลา ซึ่งมีชายหาดที่มีทรายขาว สะอาด น้ำทะเลใส เหมาะสำหรับการเล่นน้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่โดดเด่นคือ โลมาสีชมพูที่พบได้ง่าย ณ หาดขนอม นับเป็นหนึ่งในทะเลนครศรีธรรมราชที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง
อีกหนึ่งที่เที่ยวปากพนังที่ห้ามพลาดคือ โรงสีเก่าปากพนัง จะสังเกตเห็นปล่องไฟอิฐสูงตั้งโดดเด่นริมแม่น้ำปากพนังอยู่หลายจุด ปล่องไฟดังกล่าวคือ ปล่องโรงสี ข้าวเก่าในอดีตปากพนังเจริญสูงสุดยุคทำนาข้าวมีความอุดมสมบูรณ์ในฐานะอู่ข้าวอู่น้ำของภาคใต้ มีโรงสีข้าว(โรงสีไฟ) จำนวนมาก ถึงแม้วันนี้ภาพความยิ่งใหญ่ของแหล่งผลิตข้าวเพื่อการส่งออกในปากพนังจะได้จาง หายไปตามกาลเวลา ท้องทุ่งนา ได้แปรเปลี่ยนเป็นสวนและนากุ้ง กิจการโรงสีไฟที่เคยเจริญรุ่งเรืองเหลือแค่เพียงซากปล่องไฟโรงสีที่ตั้งตระหง่าน เป็นอนุสรณ์แห่งอดีตที่ชาวปากพนังภาคภูมิใจ
เป็นตลาดเก่าแก่ดั้งเดิมมากว่า 100 ปี ตั้งอยู่ บริเวณท่าเรือข้ามฝากฝั่งตะวันออก อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ สร้างด้วยไม้ด้วยความที่ไม่ได้เป็นตลาดปรุงแต่ง ให้เก่าเหมือนหลาย ๆ ที่ ความเรียบง่ายและธรรมชาติของวิถีชีวิตผู้คนแถวนั้น จึงดูมีมนต์ขลังดึงดูดให้เข้าไปเยี่ยมชม โดยตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ ช่วงต้นตลาดจะเป็นร้านขายของ ลักษณะเป็นห้องแถวติดกันเป็นบล็อก ๆ ส่วนใหญ่ขายขนม พื้นบ้าน อย่างขนมลา รวมถึงอาหารทะเลสด ๆ ราคาย่อมเยาที่ชาวประมง จะมาส่งแม่ค้าทุกวัน
ตลาดย้อนยุคปากพนัง ที่เที่ยวปากพนังที่พลาดไม่ได้หากแวะมาเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช ตลาดแห่งนี้ ตั้งอยู่สอง ริมฝั่งคลองบางฉลากซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำปากพนัง ขนานไปกับลำคลอง อีกฝั่งเป็นตลาดที่ติดเลียบกำแพงของเรือนจำ ส่วนอีกจะเป็น บ้านที่อยู่อาศัยที่เปิดเป็นร้านขายของต่าง ๆ ตลาดย้อนยุคปากพนังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
กุฏิทรงไทยวัดวังตะวันตก หรือที่ชาวนครท้องถิ่นเรียกกันว่ากุฏิร้อยปี ตั้งอยู่ในวัดวังตะวันตก ริมถนนราชดำเนิน เป็นกุฏิไม้ทรงไทยเรือนเครื่องสับ 3 หลัง มีหลังคาจั่วแต่ละหลังคาคลุมเชื่อมต่อกัน ตัวเรือนกุฏิไม้เป็นแบบเรือนฝาประกน มีลวดลายแกะสลักไม้ ตกแต่งตามส่วนต่าง ๆ ด้วยความงดงามของลวดลายศิลปะ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ คัดเลือกกุฏิวัดวังตะวันตกให้เป็น อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทปูชนียสถาน และวัดวาอาราม
วัดที่เป็นที่ศรัทธานับถือของชาว จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยวัดนี้สร้างขึ้นตามความประสงค์ของพ่อท่านคล้าย (พระครูพิษฐอรรถการ) บนที่ดินของผู้ใหญ่กลับ งานพร้อม ซึ่งได้ถวายที่ดินผืนนี้ให้พ่อท่าน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2483 มีเนื้อที่ทั้งหมด 46 ไร่เศษ ภายในได้มีการแบ่งที่ดินเป็นเขตๆ คือ เขตพุทธาวาส มีพระเจดีย์ อุโบสถ พระพุทธไสยาสน์ , เขตธรรมาวาสและสังฆาวาส มีสถานที่ปฏิบัติธรรม และกุฏิที่อยู่ของพระสงฆ์ , เขตบำเพ็ญประโยชน์ มีโรงเรียนพึ่งตนเอง และเขตสาธารณะประโยชน์ มีห้องให้เช่าอาศัย 10 ห้อง นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ รอยพระพุทธบาท พระกัจจายนะ และพระกวนอิมโพธิสัตว์ เป็นต้น ที่ตั้ง : ต.หลักช้าง กิ่ง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช
หอพระอิศวร และเสาชิงช้า อยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู เป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของพระอิศวรและ ฐานโยนิ รวมทั้งเทวรูปสำริดอีกหลายองค์ อาทิ เทวรูปศิวนาฎราช พระอุมาและพระพิฆเนศ ซึ่งจำลองจากองค์จริงที่เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่ง ชาตินครศรีธรรมราชหอพระนารายณ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอพระอิศวร อาคารหอพระนารายณ์เดิน ไม่สามารถสืบทราบรูปแบบได้ สิ่งสำคัญที่พบภายในหอพระนารายณ์ ได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์สลักจากหินทรายสีเทาทรงมาลารูปกระบอก ปลายสอบและพระหัตถ์ขวาทรงสังข์ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 – 11 ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช โบราณวัตถุที่ตั้งอยู่ในหอพระนารายณ์ขณะนี้คือ เทวรูปพระนารายณ์จำลองจากองค์จริงที่พบในแหล่งโบราณสถานคดีแถบอำเภอสิชล
บ้านหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน เป็นศิลปินหนังตะลุงและช่างทำรูป หนังตะลุงฝีมือดีเยี่ยมของเมืองนครศรีธรรมราช ที่ริเริ่มและสืบทอดวัฒนธรรมการ ทำตัว หนังตะลุง รวมไปถึงการเชิดหนังตะลุงจนที่เป็น ที่ยอมรับในระดับชาติ บ้านหนังตะลุงสุชาติเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายตัวหนังตะลุงและหนังใหญ่ อีกทั้งยัง มีการแสดงในลักษณะสาธิตในบริเวณบ้านหนังตะลุง นอกจากนี้ยังได้แบ่งพื้นที่เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติ
บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ตั้งอยู่ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้กับวัดพระธาตุ อยู่ในพื้นที่เดียว กับร้านกาแฟไทชิ อาคารเรือนปั้นหยาอายุกว่า 108 ปี โดยทายาทของขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ได้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงบ้านหลังนี้อีกครั้ง ฟื้นฟูสู่สภาพที่สวยงามพร้อมกับเปิดเป็น สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เยี่ยมชม โดยบ้านขุนรัฐวุฒิได้รางวัล อาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม ดีเด่น ปี 2556 โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ศาลหลักเมืองนคร ตัวอาคารมีสีขาวที่ออกแบบได้อย่างดงามประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 4 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรงเหมราชลีลา ส่วนอาคารเล็กทั้งสี่หลัง ถือเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมืองและศาลพรบันดาลเมือง
มาถึงเมืองคอน แน่นอนต้องแวะมาที่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ โบราณสถานสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็น มิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศานิกชน พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศ จดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
กำแพงเมืองเก่า เป็น กำแพงเมืองที่เคยปกป้องเมืองนครศรีธรรมราชจากข้าศึก เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดแสดงถึงความเก่าแก่ ความแข็งแกร่ง ความเจริญรุ่งเรือง และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ให้แข็งแรง และสวยงาม เพื่อพัฒนาเป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีที่ตั้งอยู่หลายจุดด้วยกัน แต่ที่เหลือให้ชม คือ กำแพงเมืองด้านทิศเหนือ อยู่ริมคลอง หน้าเมือง ถนนมุมป้อม
แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมายาวนาน เนื่องจากการถูกพายุพัดสร้างความเสียหาย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นชายหาดสีขาวยาวโค้งเรียวยาวไปตามชายฝั่งทะเลแนวเหนือ-ใต้ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ด้านหนึ่งของแหลมรับลมทะเล จากฝั่งอ่าวไทย อีกด้านรับคลื่นลมในฝั่งอ่าวปากแม่น้ำปากพนัง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยรถยนต์จนถึงปลายแหลมได้เป็น แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งในปัจจุบันมีการปรับทัศนียภาพให้สวยงามขึ้นเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวปากพนังที่ห้ามพลาดเด็ดขาด!
เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนา พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อช่วยเหลือบรรเทา ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง มีสะพานข้ามฝั่งแม่น้ำเพื่อให้คนในพื้นที่ได้สัญจรข้ามไปมา ยังอีกฝั่ง และได้จัดทำเป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่นเหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว จึงกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ ที่น่าสนใจอีกแห่ง หนึ่งของอำเภอปากพนัง
เกาะนุ้ยนอก เกาะเล็กกลางทะเลในอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่มีสิ่งที่มหัศจรรย์บนเกาะ ทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ Unseen เนื่องจากบนเกาะนี้มีบ่อน้ำจืดที่มีรูปร่างคล้ายกับรอยเท้า สามารถมองเห็นได้ในตอนที่น้ำทะเลลดลง ถ้าเป็นช่วงที่น้ำขึ้น บ่อน้ำนี้ก็จะถูกน้ำทะเลท่วมหมด เชื่อกันว่าพื้นที่แห่งนี้คือบริเวณที่เกิดตำนาน “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” เกาะนุ้ยนอก มีทางบันไดเดินขึ้นไปก็สะดวกเพื่อไปไหว้หลวงปู่ทวด ข้างบนมีจุดชมวิว สามารถมองเห็นเกาะสลับซับซ้อน บริเวณรอบ ๆ หากไปช่วงที่น้ำลงสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างเกาะได้อย่างสบาย บนเกาะยังมีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ถือเป็นหนึ่งในทะเลนครศรีธรรมราชที่ห้ามพลาด
ชุมชนต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีวิถีชีวิตแบบชาวสวนอยู่กับธรรมชาติ และได้พัฒนา การบริการนักท่องเที่ยวขึ้นมาเป็นธุรกิจใหม่ของชุมชน จุดเด่นของหมู่บ้านคีรีวง ก็คือ ทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้และสายน้ำ กิจกรรมที่น่าสนใจ ในหมู่บ้านคีรีวง คือ การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ เพลินตาและเพลินอารมณ์กับทัศนียภาพแห่ง ธรรมชาติ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ ปั่นจักรยานชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งสามารถหาเช่าจักรยานได้ตามร้านเช่าจักรยานในจุดต่าง ๆ รอบหมู่บ้าน
จังหวัดที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงแค่ทางผ่าน หรือเป็นประตูสู่ภาคใต้ แต่ถ้าหากใครได้ลองแวะมาเที่ยวสักครั้งรับประกันว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่อย่างแน่นอน จังหวัดนี้มีสถานที่เที่ยวหลากหลายทั้ง ทะเล ชายหาด ภูเขา ป่าไม้ ที่สวยมาก ๆ และยังมีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย วันนี้เราขอแนะนำ 20 สถานที่เที่ยวชุมพรประตูสู่ภาคใต้ที่มีอะไรดีกว่าที่คุณคิด!
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดชุมพร แต่หากจะมาเที่ยวเกาะสวรรค์ทั้ง 2 แห่งนี้ การเดินทางมาจากชุมพรถือเป็นทางที่สะดวกที่สุด หมู่เกาะที่ถูกจัดให้เป็นสวรรค์บนดินของทั้งคนรักทะเล ด้วยทัศนียภาพของหาดทรายขาว และมนต์เสน่ห์ของสันทรายสีขาวกลางทะเลที่เชื่อมเกาะขนาดเล็กทั้ง 3 เกาะเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนกลายเป็นจุดดำน้ำชมความงามใต้มหาสมุทรสุดฮิตของนักดำน้ำจากทั่วโลก
ยอดเขาสูงห่างจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 20 กิโลเมตรที่ระดับความสูง 736 เมตรในอำเภอปะทิว ซึ่งบนยอดดอยมีลานกว้างเหมาะสำหรับเป็นจุดชมวิวท้องทะเลตะวันออก และชาบหาดทุ่งวัวแล่นในมุมสูงแบบพาโนรามา เพราะสามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้กว้างไกล โดยไฮไลท์สำคัญของเขาดินสอ อยู่ในช่วงเดือนกันยายน ถึงพศจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลดูเหยี่ยว ที่เหล่าคนรักนกจะมาชุมนุมกันที่นี่เพื่อชมเหยี่ยวหลากหลายสายพันธุ์ที่อพยพหนีหนาวผ่านมาทางเขาดินสอแห่งนี้
หนึ่งในบรรดาหมู่เกาะทั้งหลายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ที่ต้องหยิบยกแยกออกมา เนื่องด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นของเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ทะลุอยู่เหนือผิวน้ำที่ดูแตกต่างไม่เหมือนเกาะแก่งแห่งอื่น ๆ จึงได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทั้งยังเป็นจุดดำน้ำลึก และน้ำติ้นยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติทางทะเล อย่างประการัง และฝูงปลาน้อยใหญ่
บ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติในอำเภอละแม บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ที่รายล้อมไปด้วยผืนป่าที่ยังความอุดมสมบูรณ์เอาไว้ได้อย่างดี ตัวบ่อน้ำพุร้อมมีขนาดไม่ใหญ่มาก จำนวน 3 บ่อ คือ บ่อเอื้ออารีย์ธารทิพย์ บ่ออมฤตธาราและบ่อพฤกษาชลธาร มีอุณหภูมิที่พอเหมาะพอดีกับการแช่น้ำร้อนที่ระหว่าง 55 – 60 องสาเซสเซียส เหมาะแก่ระบบการหมุนเวียนโลหิต บำรุงผิวพรรณ และช่วยให้ผ่อนคลาย นักท่องเที่ยวสายรักสุขภาพทั้งหลายห้ามพลาด
สถานที่เที่ยวชุมพรแบบ Unseen ของจังหวัดชุมพรกับจุดชมวิวดอยตาปัง ที่ใครจะรู้ว่าชุมพรก็มีทะเลหมอก และทะเลหมอกยามเช้าที่ดอยตาปังแห่งนี้ยังสวยงามไม่แพ้ทะเลหมอกในภาคเหนืออีกด้วย ทั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองสวี ห่างจากตัวเมืองออกมาเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น
ภูเขาสูงชันทีมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเด่นสะดุดทุกสายตา ด้วยช่องโหว่กลม ๆ ตรงกลางทะลุเขา ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล อันเป็นที่มาของชื่อ “เขาทะลุ” ทำให้กลายเป็น Landmark ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของอำเภอสวี
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองชุมพร ที่มีทัศนียภาพเงียบสงบ ร่มเย็น ร่มรื่นย์ ด้วยบรรยากาศของหนองน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม อันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอ่างน้ำแก้มลิงหนองใหญ่ ในโครงการตามพระราชดำริฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ภายในศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา นอกจากจะมีทัศนียภาพโดยรอบอันสวยงาม ยังมีจุดเด่ดไม่เหมือนใครอยู่ที สะพานไม้เคี่ยมรูปทรงแปลกตายาวกว่า 1 กิโลเมตรกลางอ่างเก็บน้ำ
ถ้ำหินงอกหินย้อยอันมีชื่อเสียงของอำเภอหลังสวน ที่สวยงงามแปลกตา น่าอัศจรรย์ใจซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทางเข้าถ้ำต้องเดินขึ้นไปบนเขากว่า 370 ขั้นซึ่งตลอดสองข้างทางยังคงเป็นป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ภายบริเวณถ้ำเป็นโถงขนาดใหญ่ ประกอบด้วยหินงอกหินย้อยมากมาย และยังคงมีแอ่งน้ำที่เกิดจากน้ำฝนชะเขาหินปูนลงมาให้กลายเป็นหินงอกหินย้อยใหม่ ๆ อยู่เป็นช่วง ๆ ในตัวถ้ำมีแสงส่องลอดผ่านช่องเขาเข้ามาถึง ทำให้มีอากาศโปร่งโลงสบายไม่อับชื้นเหมือนถ้ำอื่น ๆ
สะพานรถไฟสายประวัติศาสตร์ข้ามแม่น้ำหลังสวนตั้งอยู่ระหว่างสถานีควนหินมุ้ย – หลังสวน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครตรงที่สะพานเหล็กแห่งนี้มี 2 ช่วงสะพานที่ไม่เหมือนกัน นั่นมีสาเหตุมาจากสะพานช่วงหนึ่งเสียหายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงคราม จึงมีการสร้างทดแทนขึ้นใหม่แต่ไม่สามารถวัสดุชนิดเดิมเหมือนที่เคยมีในอดีตได้ จึงทำให้สะพานทั้ง 2 ช่วงซึ่งสร้างขึ้นคนละยุคกันมีหน้าตาต่างกันออกไป
ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของศาลกรมหลาวงชุมพร หรือพลเรือ เอกพระ เจ้าวรวงศ์ เธอ พระองค์เจ้าอาภากรณ์เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์พระบิดาแห่งกองทัพเรือหรือที่เป็นที่รู้จักกันในนาม “เสด็จเตี่ย” ของบุคคลทั่วไป เป็นตำหนักที่สร้างขึ้นบนเนินเขาชื่อเขาหัวถ่าน ถูกออกแบบให้เหมือนการจำลองหัวเรือจักรีนฤเบศร์หันหน้าออกทะเล ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดทรายรี ที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของชาวชุมพรแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวที่น่าสนใจของเมืองชุมพร เพราะทำเลที่ตั้งบนเนินทำให้มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้กว้างไกลสุดสายตา
สันทรายขนาดมหึมากินพื้นที่กว่า 30 ไร่ เป็นพื้นที่รอยต่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ทอดตัวยาวขนาดไปตามแนวชายหาดกว่า 10 กิโลเมตร มีความสูงเกือบ 30 เมตร ให้ได้อารมณ์เสมือนได้ไปเที่ยวในดินแดนทะเลทรายก็ไม่ปาน จนถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จัดให้เป็น The Must ของชุมพร
วัดพระธาตุสวี ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 จตุธรรมธาตุของภาคใต้ ภายในวัดประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างพระบรมธาตุลักษณะเจดีย์ทรงระฆัง ประดับด้วยซุ้มรูปช้างที่โผล่มาให้เห็นเพียงแค่ ศรีษะและขาหน้าด้านละ 3 ซุ้ม สันนิษฐานกันว่าตัวพระธาตุที่อายุมากกว่า 700 ปี ถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ทางวัดได้ทำงานบูรณะปฏิสังขารอย่างสม่ำเสมอ จึงยังคงความสวยงามไว้ได้อย่างสมบูรณ์
เกาะเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ และที่นี่ไม่เพียงมีความสวยงามทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งการพายเรือคายัคชมทัศนียภาพรอบเกาะ การดำน้ำชมแนวปะการัง การตกปลา ไปจนถึงการไดหมึก และยิ่งในวันฟ้าใส สภาพอากาศเป็นใจอาจจะได้พบฝูงปลาโลมาเผือกที่หาดูได้ยากที่เกาะแห่งนี้
พื้นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงไม่ไกลจากตัวเมืองชุมพร การเดินทางง่ายสะดวกเพียง 8 กิโลเมตรจากอำเภอเมืองไปทางอำเภอสวี เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชุมพร ด้วยการล่องเรือชิลล์ ๆ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านท่ามกลางพื้นที่สีเขียวตามแม่น้ำตะโก
หาดทรายรี ติดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดต้องมาเช็คอินของชุมพร ทั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่สำคัญอย่างอนุสรณ์สถานพลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
จุดชมวิวเขามัทรี ชุดเช็คอินที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างแบบพารามา 360 องศา ตั้งแต่ชุมชนปากน้ำชุมพรจนถึงชายหาดในชุมพร ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลาอีกด้วย
ป่าต้นน้ำพะโต๊ะ เป็นป่ามีความอุดมสมบูรณ์ที่มีสัตว์ป่าหลายชนิด ซึ่งที่นี่ไม่ได้มีดีแค่เป็นแหล่งต้นน้ำ แต่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้ และภูเขา เส้นทางน้ำที่คดเคี้ยวไหลมาตามขุนเขา มีลักษณะเป็นแก่งน้ำขนาดใหญ่ จึงทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแพที่แม่น้ำแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ชุมพรก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตกกะเปาะซึ่งอยู่ในวนอุทยานน้ำตกกะเปาะ ตัวน้ำตกมีลักษณะคล้ายฝายแนวโค้ง ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่น้ำไม่เคยเหือดแห้ง ซึ่งถือเป็นข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยว ที่นึกอยากจะเล่นน้ำตกในหน้าร้อนก็มาได้
ชายหาดขึ้นชื่อของอำเภอปะทิว และยังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงในด้านความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง และฝูงปลาหลากหลายชนิด ชายหาดมีผืนทรายขาวสะอาดตาและ น้ำทะเลใสไร้โขดหิน
แหล่งท่องเที่ยวของชุมพรมีเกาะสวย ๆ ให้ได้ชมความสวยงามถึง 40 เกาะ โดยมีเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่หลายเกาะ เช่น เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย, เกาะทะลุ เกาะมาตรา เกาะรังกาจิว เกาะหลักแรด, เกาะละวะ เป็นต้น แต่ละเกาะก็ล้วนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และยังคงความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลเอาไว้ได้อย่างดี ตั้งแต่แนวปะการัง ดงดอกไม้ทะเล ไปจนถึงฝูงสัตว์ทะเลนานาชนิด นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีพื้นที่ป่าชายเลนให้ได้เที่ยวชมและศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าชายเลนอีกด้วย
กระบี่เป็นจังหวัดที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของคนรักทะเลที่ต้องมา และสำหรับใครที่กำลังวางแผนจะมาเที่ยวกระบี่ เราขอแนะนำ 20 ที่เที่ยวกระบี่สวย ๆ ที่ต้องปักหมุดกันไว้เลย
เขาหงอนนาค ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นยอดเขาสูงตระหง่านตั้งอยู่ ริมทะเล อุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบขึ้นปกคลุม เป็น จุดชมวิวทะเลกระบี่ไกลสุดลูกหูลูกตาสามารถชมวิวได้แบบ 360 เห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ ตั้งแต่อ่าวนางไปถึงเกาะห้อง ทะเลแหวก เกาะยาวจรด อ่าวท่าเลน ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายสูงต่ำ การขึ้นไปพิชิตยอดเขาหงอนนาคต้องเดินทางขึ้นไประยะทางทั้งหมด 3.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2-3 ชั่วโมง กว่าจะเป็นผู้พิชิตยอดเขาสูงสุด
วัดถ้ำเสือ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 9 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านถ้ำเสือ ตำบลกระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ พื้นที่บริเวณวัดประมาณ 200 ไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ราบ หุบเขาและยอดเขา จุดเด่นของวัด “พระธาตุเจดีย์ยอดเขาแก้ว” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขาแก้ว มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร สามารถขึ้นไปสักการะได้โดย ขึ้นบันได 1,237 ขั้น บนยอดเขาสามารถมองเห็น ทิวทัศน์ของเมืองกระบี่ได้รอบทิศ ทั้งยังเป็นที่ ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทจำลอง พระธาตุเจดีย์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ อีกด้วย
สระมรกต กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิประมาณ30-50 องศาเซลเซียส เป็นสระน้ำสวยใสกลางใจป่า ที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง สระมรกตกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระมรกต และ สระน้ำผุด น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบ ๆ บริเวณเป็นป่าร่มรื่นเขียวครึ้มมีพรรณไม้ที่น่าสนใจ
น้ำตกร้อน ตั้งอยู่ใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ใกล้ๆ กับสระมรกต เป็นอ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับ สายน้ำตก ที่ไหลหลั่นลง มาจากเนินเขา ใครได้มาสัมผัสต่างบอกกันว่า ไม่ใช่น้ำตกธรรมดาๆ แน่นอน ก็ใครจะเชื่อว่า นี่คือน้ำตกร้อน สายน้ำแร่ ที่ไหลมาพร้อม ๆ กับไออุ่นเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็นธารน้ำพุร้อนผุด ขึ้นมาจากใต้ดินตาม ธรรมชาติ มีสารกำมะถัน เจือจางเป็นส่วนประกอบ มีอุณหภูมิพอเหมาะตกลงมาในแอ่ง สามารถอาบน้ำได้ บริเวณธารน้ำตกร้อนขนาดเล็ก ที่ไหลลดหลั่นกันมาตามธรรมชาติ ในน้ำพุร้อนประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผ่อน คลายเชื่อว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดหลัง และเกี่ยวกับผิวหนังได้
ท่าปอม คลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ ต.เขาคราม อ. เมือง อยุ่ในความดูแลของ อบต.เขาคราม เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน เสน่ห์ของท่าปอมอีกอย่างหนึ่งคือ รากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตาม ริมตลิ่ง สองฝั่งคลองโดย รากของต้นไม้หลาย ประเภทจะปรับตัว ด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ แห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดินชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงาม ของคลองสองน้ำและ ป่าท่าปอมได้
เกาะละดิง หรือ เกาะเหลาลาดิง ( เกาะพาราไดซ์ ) เกาะที่ถูกซุกซ่อนโดย ธรรมชาติแต่แฝงไว้ด้วยความสวยงามของหาดทราย และความเงียบสงบเป็นส่วนตัว เป็นเกาะที่เป็นที่พักอาศัยของกลุ่มสัมปทาน เก็บรังนก แต่ก็ยังเปิดเกาะให้นักท่องเที่ยวเข้าไป เที่ยวชม และพักผ่อน ภายในเกาะนั้นมีหาดทราย ละเอียด มีปลาและปะการัง ให้เล่นน้ำได้อย่างเพลิดเพลิน เกาะเหลาลาดิง เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนเข้ามาเมื่อมาเที่ยวยังเกาะห้อง มีลักษณะเป็นภูผา มีป่าเกาะที่สวยงาม และมีแนวชายหาดเล็ก ๆ อยู่บนเกาะ ทั้งยังมีน้ำทะเลที่ใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ
เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น ไปด้วย ต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่ริมหาด เกาะผักเบี้ยนี้ แม้ว่าจะมีแนวชายหาดที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีหาดทรายที่ขาวสะอาดไม่แพ้ หาดอื่น ๆ เมื่อน้ำลงสันทรายที่เกาะผักเบี้ยนี้จะปรากฏเป็นแนวยาวไปจนจรดอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า เกาะผักเบี้ย เช่นกัน และสามารถเดินถึงกันได้ในเวลาน้ำลงเต็มที่เท่านั้น เพราะในเวลาที่น้ำขึ้น น้ำก็จะแยกเกาะผักเบี้ยออกเป็นสองเกาะนั่นเอง
เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เกาะห้อง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละ เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพ สวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ “ อ่าวบิเละ ” เป็นอ่าวที่มี หาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน ทรายละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลใส สีเขียวมรกต มีฝูงปลาเล็ก ๆ แหวกว่ายให้เห็นอยู่ทั่วไป ห่างจาก ชายหาดลงไปในทะเลมีกัลปังหาและปะการังหลากชนิด ชายทะเลเหมาะแก่การเล่นน้ำ ถือว่าเป็นแหล่งพายเรือคายัค และแหล่งดำน้ำ ดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม
เกาะลันตา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกระบี่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักและให้ความสนใจไปเที่ยว กันมาก ธุรกิจต่าง ๆ บนเกาะมีชาวต่างชาติไปเปิดกิจการหลายรายเช่นธุรกิจดำน้ำ บริษัททัวร์ต่าง ๆ จากเกาะเงียบๆ กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญนั้นเป็นผลมาจากความดังของเกาะพีพี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไป เที่ยวกันมากจนทำให้ที่พักไม่เพียงพอในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเริ่มทะลักมายังเกาะลันตา กรอปกับความสวยงามและความเงียบสงบของเกาะลันตาทำให้ทำให้นักท่องเที่ยวติดใจจึงทำให้ชื่อเสียงของ เกาะลันตา เป็นที่รู้จักในหมู่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเวลาอันรวดเร็ว
เกาะจำ ตั้งอยู่ในเขตตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ห่างจากชายฝั่งเพียง 22 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นเกาะที่มีชุมชนท้องถิ่นอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน บนเกาะประกอบไปด้วย 3 หมู่บ้านคือ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำและหมู่บ้านติงไหร เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตรและมีน้ำใจไมตรี อีกทั้งทัศนียภาพบนเกาะก็ยังสวยงาม มีชายหาดยาวหลายแห่ง น้ำทะเลใสสะอาด แม้จะไม่สวยใสทรายขาวเหมือนเหมือนเกาะพีพีหรือเกาะห้อง แต่จุดเด่นของเกาะจำก็คือความเงียบสงบและเป็นธรรมชาติที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
เกาะรอก อยู่ในน่านน้ำทะเลกระบี่ที่เชื่อมต่อทะเลตรัง ลักษณะเป็นสองเกาะเล็ก ๆ ตั้งคู่กันเป็นเกาะที่มีหาดทราย ที่ยาวเหยียด เม็ดทราย ละเอียดเนียนนุ่มเท้าเมื่อสัมผัส ทรายขาวมาก บรรยากาศการท่องเที่ยวของเกาะรอกเหมาะกับผู้ชื่นชอบการค้นหามุมมอง ที่สวยงาม เงียบสงบ และโรแมนติกจากธรรมชาติ หาดทรายที่สวยงาม น้ำทะเลตื้นและใสมากแนวปะการังที่อุดมไปด้วยดอกไม้ทะเลเป็นถิ่นอาศัย ของปลาการ์ตูนส้มเหลืองสี สดใสที่ทุกคนชื่นชอบที่จุดชมทิวทัศน์เกาะรอกนอกจะเห็นภาพของอ่าวโค้งคล้ายเกือกม้า สองด้านของอ่าว เป็นผาหินสูง ชันเห็นทิวทัศน์ของเกาะรอกนอกและเกาะรอกในและ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากอีกจุดหนึ่ง
ลานปูดำ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “อนุสาวรีย์ปูดำ” ตั้งอยู่ที่ท่าเรือขนาบน้ำ จุดตรงนี้เป็นจุดชมวิวชั้นดีของเมืองกระบี่ เพราะสามารถมองเห็นเขาขนาบน้ำ ภูเขาสองลูกที่ตั้งอย่างโดดเด่นริมแม่น้ำกระบี่ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ด้วย ใกล้ ๆ กับประติมากรรมปูดำ จะมี “อนุสาวรีย์นกออก” หรือนกอินทรี นกประจำถิ่นที่นี่ สาเหตุที่สร้างอนุสาวรีย์เป็นรูปปูดำและนกออกเพราะทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของเมืองกระบี่
หาดนพรัตน์ธารา ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นท่าเรือศูนย์กลางไปเที่ยวตามเกาะ ต่าง ๆ ของกระบี่ เดิมชาวบ้านเรียกว่า “หาดคลองแห้ง” เพราะช่วง น้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลาย เป็นหาดทรายขาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับ เกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายหาดทะเล มองออก ไปในพื้นน้ำมีทิวทัศน์ของเกาะแก่ง ช่วงน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไป ยัง เกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดได้ เหมาะสมสำหรับ การพัก ผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี
อ่าวนาง เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทะเลกระบี่ เป็นที่ตั้งของ รีสอร์ท ร้านอาหาร บริษัททัวร์ให้บริการนำเที่ยวเกาะที่มีชื่อต่าง ๆของกระบี่ เช่น ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะพี พี หมู่เกาะห้อง เป็นจุดเช่าเรือไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ พื้นที่ของ อ่าวนาง จะ ตั้งอยู่ตามถนนเลียบชายทะเลเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร เป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา อ่าวนางถือเป็น จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
เกาะไผ่ หรือเกาะไม้ไผ่ เป็นเกาะเล็กกลางทะเล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ไม่ไกลจากเกาะยุงเท่าใดนัก เกาะไผ่ อยู่ในพื้นที่ การดูแลของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แต่บรรยากาศของเกาะไผ่จะต่างกับเกาะพีพีอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นเกาะที่เงียบสงบ มีน้ำทะเลใส มากมีหาดทรายสวยงาม เป็นเกาะที่มีแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะสำหรับมาดำน้ำดูความสวยงามของโลกใต้ทะเล ช่วงเวลาเหมาะการเที่ยว คือช่วงที่ไม่มีลมมรสุม ประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายนของทุกปี
หาดไร่เลย์ ตั้งอยู่ใน ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เป็นหาดทรายสีขาวละเอียดริมโตรกผา ซึ่ง หาดไร่เลย์ เป็นที่รู้จักดี ในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา และ หาดไร่เลย์ แบ่งออกเป็น หาดไร่เลย์ตะวันออก (หาดน้ำเมา) และ หาดไร่เลย์ตะวันตกซึ่งเป็นหาดที่ได้รับความนิยม เนื่องจากน้ำทะเลใส หาดทรายสวย และยังเป็นจุดชม พระอาทิตย์ ตกที่สวยงาม อีกด้วย โดยหากไร่เลย์ตะวันออกและตกมีโขดหินคั่นระหว่างหาดทั้งสอง บริเวณที่นิยมปีนผาคือบริเวณ ไร่เลย์ตะวันออก อ่าวต้นไทร และเขาแถวถ้ำพระนางใน
หาดถ้ำพระนาง อยู่ในเขต ตำบลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่อยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยว ทัวร์ สี่ เกาะ เกาะปอดะ เกาะทับ(ทะเลแหวก) เกาะไก่ และ หาดถ้ำพระนาง ที่นี่คือ 1 ใน ไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของกระบี่ หากเดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด จะเป็นที่ตั้งของถ้ำพระนาง เมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมา สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตาที่สุดแห่งหนึ่ง
หมู่เกาะพีพี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล มีเกาะพีพีดอนเป็นศูนย์กลางของหมู่เกาะพีพี มีทั้ง ที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมทั้งยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย เกาะพีพีดอน ประกอบ ด้วยอ่าว 2 อ่าวที่เป็นเวิ้งอ่าวคู่ คือ อ่าวต้นไทร และอ่าวโละดาลัมคั่นด้วยที่ราบเล็ก ๆร่มรื่น
เกาะปอดะ เกาะสวยแห่งทะเลกระบี่ เป็นเกาะเอกชนที่ยังคงความงดงาม เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเที่ยวทะเล กระบี่ เกาะปอดะ มีชายหาดล้อมรอบทั้งสามด้านยกเว้นทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านที่รับคลื่นด้านนี้เป็นหน้าผาหิน สูง ชันชาดหาด ด้านหน้าเกาะหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง แต่นักท่องเที่ยว นิยม แวะ ขึ้นเกาะเพื่อไปพักผ่อนเดินเล่นบนชาดหาด และเล่นน้ำ
ทะเลแหวก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand ที่เราสามารถเดินเหยียบทรายขาวละเอียด จากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้เวลาน้ำลด ทะเลแหวกเกิดจาก สันทรายจากเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ ทั้งสามเกาะนี้เป็น3 เกาะเด่นที่อยู่ใน หมู่เกาะปอดะ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน มีสันฐานติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็น แนวสันทราย เชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้แยกออกกันเป็นสามส่วน สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด แต่ถึงแม้ว่าสันทราย จะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่น ได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ การท่องเที่ยวทะเลแหวก จะนิยมท่องเที่ยวทั้งหมด 4 เกาะ คือเกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะปอดะ
จังหวัดตรัง ไม่ได้มีแค่ทะเลสวย แต่ยังมีความคลาสสิคของสภาพบ้านเรือน ตึกเก่า และสถาปัตยกรรมที่สวยไม่แพ้กกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ดึงดูดให้นักเดินทางมาเที่ยวกันไม่น้อย
เกาะแหวนถือเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำโดยแท้ แค่ลอยตัวออกไปไม่กี่เมตรก็เหมือนดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเลลึก ทั้งดอกไม้ทะเล ปะการังเขากวางปะการังอ่อน และฝูงปลา และหลังจากเกิดสึนามิ ก็ได้มีการติดตั้งประติมากรรมใต้ทะเลหลายชิ้นที่รอให้นักดำน้ำได้ดำดิ่งไปชมความงามอีกด้วย
ถ้ำมรกต ตั้งอยู่ที่เกาะมุกซึ่งเป็นเป็นเกาะใหญ่อีกเกาะหนึ่งในน่านน้ำตรัง เป็นถ้ำมหัศจรรย์กลางทะเล ที่มีชื่อเสียงของ จ.ตรัง นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวทะเลตรัง จะไม่พลาดกับการเดินทางเข้าชมถ้ำมรกต ซึ่งถือว่าเป็น Unseen in Thailand จากปากทาง เข้าถ้ำเป็นโพรงเล็กๆ สูงพ้นระดับน้ำพอเรือลอดได้ หรือต้องว่ายน้ำเข้าไปถ้าหากน้ำมาก ระยะทาง 80 เมตร บริเวณปากทาง เข้าถ้ำแสง จากภายนอกจะสะท้อนกับน้ำภายในถ้ำทำให้เห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต ดูแปลกตาและสวยงามตามธรรมชาติอย่างยิ่ง เมื่อพ้นปากถ้ำออก มาอีกด้านหนึ่งจะเห็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน& ถ้ำมรกรตนี้จะเข้าออกได้เฉพาะ ช่วง น้ำลงเท่านั้น
เกาะมุก เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของทะเลเมืองตรัง และยังคงเงียบสงบ คงความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวเกาะ ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของ เกาะมุก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ถึงแม้ว่าที่นี่จะเปิดให้ท่องเที่ยวกัน แต่วิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะนั้น ก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งวิถีชาวประมง และวิถีของชาวสวนยางพารา และการทำสวนมะพร้าว ก็ยังคงเดิมอยู่ จะมีเพียงแค่ร้านอาหาร รีสอร์ท บ้านพักโฮมสเตย์ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อบริการแก่นักท่องเที่ยว
เกาะลิบง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง อยู่ในเขตอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นแหล่งหญ้าทะเลแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นอาหารของเหล่าพะยูน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งดูนกทะเลชนิดต่าง ๆ ประกอบกับทิวทัศน์ของชายหาดที่มีความสวยงาม จึงทำให้ที่นี่เหมือนเป็นดั่งสวรรค์น้อย ๆ สำหรับคนที่หลงรักการเที่ยวทะเล บนเกาะลิบงประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ “บ้านพร้าว” “บ้านบาตูปูเต๊ะ” และ “บ้านหลังเขา” ซึ่งทั้ง 3 หมู่บ้านเชื่อมโยงด้วยถนนอิฐบล็อก กว้างพอที่จะให้รถยนต์สัญจรผ่านไป-มา ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่ยังคงประกอบอาชีพประมง สวนยางพารา และสวนผลไม้เป็นหลัก วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวบ้านที่เรียบง่ายเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำเกาะลิบงที่ชวนหลงใหล
วังเทพทาโร หรือ วังมังกร 88 ตัว จังหวัดตรัง คือ งานศิลปะจากเศษไม้และรากไม้เทพทาโร ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีชีวิตในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 500 คน รองรับอาเซียน ทำคำสอนพระพุทธเจ้า เป็น ไทย อังกฤษ จีน พื้นที่แต่ละส่วน วังเทพทาโร ถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดส่วน เช่นมีการลอดซุ้มประตูมังกร 9 ตัว พื้นที่ที่ปลูกต้นเทพทาโรหรือไม้จวง 300 ต้น ที่อยู่ของมังกรคู่ ตัวที่ 87และ 88 ส่วนแสดงสินค้า โอท๊อป OTOP ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไม้เทพทาโร เช่น น้ำมันหอมระเหย ชาไม้เทพทาโร ผลิตภัณฑ์แกะสลักต่างๆ มากมายที่วางจำหน่ายในศูนย์
ถ้ำเขาช้างหายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ภายใต้เขาหินปูนเล็ก ๆ เรียกว่า เขาช้างหาย เป็นภูเขาโดเดี่ยวกลางที่ราบลุ่มภายในมีโถงถ้ำเล็กใหญ่ อยู่ประมาณ 6 ห้อง มีหินงอกหินย้อยที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก บางส่วนยังคงก่อตัวอยู่ภายในถ้ำได้รับการปรับปรุงทางเดิน จัดแต่งแสงไฟใว้ให้สำหรับผู้มา เที่ยวถ้ำชื่อถ้ำเหล่านี้มีตำนานเล่าว่า เมื่อขบวนช้างของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชไปร่วมงานก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ เดินทางมาถึงบริเวณเขาลูกนี้ แม่ช้าง เชือกหนึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูก ขบวนจึงหยุดพักรอที่เชิงภู แม่ช้างคลอดลูกเป็นพลายตัวงามและวิ่งเล่นซุกซนตามประสาลูกช้าง จนแตกตื่นไปทั้งกระบวน ลูกช้างจึงวิ่งเตลิดเข้าไปในถ้ำ หมอควาญจุดไต้เข้าไปตามหาแต่ก็ไม่พบเจอ เนื่องจากภายในถ้ำมีพื้นที่ต่างระดับกัน อีกทั้งหินงอก หินย้อยจำนวนมากก็เป็นม่าน พรางเอาไว้ ลูกช้างจึงหายเข้าไปในถ้ำ จึงเรียก ถ้ำช้างหายตั้งแต่นั้นมา
วนอุทยานฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหวาง ป่าควนแคง และป่าน้ำราบ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบเชิงเขาผสมผสานกับสภาพป่าเป็นดงดิบชื้น และบางส่วนเป็นป่าพรุที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี อีกทั้งมีพื้นที่บางส่วนเป็นพรุน้ำร้อนมีน้ำไหลผุดจากใต้ดินตลอดเวลา พืชพรรณและสัตว์ป่า จัดว่าค่อนข้างมีสภาพป่าที่สมบูรณ์ปานกลาง โดยพันธุ์ไม้ที่พบได้ แก่ ยาง ตะเคียน หว้า ชมพู่ป่า ทุ้งฟ้า ก่อ แดงควน กระโดน ตังหน หวาย หลุมพี ปาล์ม กล้วยไม้ และสัตว์ป่าที่พบได้แก่ ชะมด ค้างแว่นถิ่นใต้ กระจง ไก่ป่า นกชนิดต่าง ๆ เต่า กบ เขียด งู สถานที่น่าสนใจ ได้แก่ บ่อน้ำร้อนควนแคง บริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อน โดยได้พัฒนาปรับปรุงเป็นบ่อน้ำร้อน จำนวน 3 บ่อ มีอุณหภูมิของน้ำประมาณ 70 องศา / 40 องศา / 20 องศา ตามลำดับ ซึ่งนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปนิยมมาแช่เท้าและอาบน้ำร้อนเพื่อสุขภาพ ณ ที่แห่งนี้ โดยมีห้องอาบน้ำแล ห้องแช่น้ำร้อนให้บริการเพื่อความเป็นส่วนตัว จำนวน 9 ห้อง บ่อแช่เท้ารวม 1 บ่อ และบ่ออาบน้ำรวมอีก 1 บ่อ เส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อนและพื้นที่ป่าดงดิบ ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติจำนวน 3 เส้นทาง ในระยะทาง 500 เมตร 750 เมตร และ 2,000 เมตร ตามลำดับ เพื่อยังประโยชน์ด้านการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งส่งเสริมสันทนาการและการท่องเที่ยว
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง Street Art ที่ซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยในเขตเทศบาลเมืองกันตัง โดยทาง YEC ตรัง ร่วมกับทางโรตารี่ทับเที่ยง และเทศบาลกันตัง นำศิลปินวาดภาพจิตอาสามาสร้างสรรค์งานศิลป์ ภายใต้แนวคิด วิถีกันตังคัลเลอร์ฟูล ทั้งหมด 12 จุด ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพเท่ๆ เก๋ๆ ชิคๆ คูลๆ
สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตังอำเภอกันตังจังหวัดตรังเป็นสถานีรถไฟสุดทาง ของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเล อันดามัน สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์มาเลเซียอินโดนีเซียมีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ตัว สถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล อันเป็นคู่สีหลักที่คุ้นตาของอาคารรถไฟ ทั่วไป ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนตัวอาคารและชานชาลา ด้านหน้าของอาคารมีมุข ยื่น มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วย ลวดลาย ไม้ฉลุคงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร
“ชุมชนบ้านนํ้าราบ” หรือชื่อเดิม “บ้านนํ้ารอบ” เนื่องจากบริเวณที่อยู่อาศัยล้อมรอบไปด้วยนํ้าในทุกทิศทุกทาง ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 1,400 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน แต่เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ต่อมาปี 2542 จึงได้เปิดกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนขึ้น ในลักษณะวันเดย์ทริป มีทั้งหมด 4 โปรแกรม ทั้งล่องแพ ปีนเขา เล่นนํ้า ศึกษาดูงานชุมชน จนเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนจากต่างจังหวัดมากมาย ที่นี่เค้ามี จุดUnseen ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น! คือ ชมทะเลแหวกหาดปลาดาว ณ ทะเลแหวกที่ไม่เหมือนใครเพราะจะได้เห็นปลาดาวนับรอยตัวเรียงรายอยู่ตลอดแนว อีกทั้งมีให้เดินศึกษาธรรมชาติที่เขาชมป่า เขาที่ยอดอยู่สูง 84 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชมวิวของป่าโกงกางและธรรมชาติในระแวกนี้ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว และสนุกไปกับการทำขนมครก ขนมท้องถิ่นในแบบตำรับของชาวชุมชน
ระยองเป็นอีกหนึ่งจังหวัดสุดฮิตของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดสั้น ๆ ใครที่มีเวลาจำกัด แต่อยากเที่ยวทะเล เราขอแนะนำเลย!
เกาะมันนอก เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทยด้านตะวันออก อยู่ในหมู่เกาะมัน จ.ระยอง มี 3 เกาะด้วยกันคือ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก ซึ่งเกาะนี้เป็นเกาะที่อยู่ไกลจากฝั่งมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือแหลมตาล บริเวณอ่าวไข่ อ.แกลง ประมาณ 45 นาที
ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยในท้องที่อำเภอแกลง และอำเภอเมือง จังหวดระยอง ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในท้องทะเล ตลอดจนเกาะต่างๆ ประกอบด้วยเกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะมะขาม และเกาะปลายตีน เขาแหลมหญ้าและชายทะเลด้านทิศตะวันตกของเขาแหลมหญ้า สถานที่ที่เด่นที่สุดเป็นที่รู้จักกันดี คือ เกาะเสม็ดหรือเกาะแก้วพิศดาร ซึ่งกล่าวไว้ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ความงดงามตามธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศว่า มีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อน
เจดีย์กลางน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง พระเจดีย์กลางน้ำ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ขนาดย่อม สูงราว 10 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง ท่างกลางป่าชายเลนที่ยาวเหยียด มีน้ำล้อมรอบ เนื้อที่ราว 52 ไร่ เทศบาลนครระยองได้สร้างสะพานคอนกรีตเข้าไปสู่เจดีย์ เจดีย์นี้สร้าง พ. ศ. 2416 ในสมัย พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ให้ชาวเรือ หรือผู้โดยสารที่เดินทางผ่านถึงบริเวณนั้นได้ทราบว่ามาถึงเมืองระยองแล้ว สมัยโบราณมีแต่เส้นทางคมนาคม ทางน้ำเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าสู่ตัวเมืองระยองได้สะดวก ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างเจริญรอยตามแบบ พระสมุทรเจดีย์ หรือ เจดีย์กลางน้ำ เมืองสมุทรปราการที่เป็นสัญลักษณ์ให้บรรดาผู้เดินทางผ่านมา ถึงจุดนี้ทราบว่า ใกล้จะถึงกรุงเทพมหานครแล้ว
สตรอว์เบอร์รี ทาวน์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ Brookside Valley Resort ที่มีการออกแบบในสไตล์ตะวันตก หรือการสร้างเมืองจำลองของประเทศเนเธอแลนด์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมความสวยงามและสีสันของสวนดอกไม้ที่ได้จัดขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านกาแฟ หรือร้านค้าต่างๆในบริเวณโดยรอบอีกเช่นกัน แต่ไฮไลท์เด็ดที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ก็คือ สตรอว์เบอร์รีสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมสระน้ำ
หาดแสงจันทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง เป็นชายหาดที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนอีกแห่งหนึ่ง ด้วยคลื่นลมที่ค่อน ข้างแรงของชายหาดแสงจันทร์ทำให้มีการสร้างแนวหิน ที่เรียกว่า เขื่อนหินทิ้ง มากั้นเพื่อป้องกันการกัดเซาะของคลื่นลมยาวไป ตลอดแนวชายฝั่ง โดยสร้างเป็นรูปตัวที ทำให้หาดแสงจันทร์มีขายหาดที่โค้งเว้าคล้ายรูปเกือกม้ายาวไปจนสุดถนนเป็นภาพที่สวยงาม แปลกตา หาดแสงจันทร์ มีถนนเลียบหาดที่สามารถลงเล่นน้ำได้
หาดแม่รำพึง เป็นชายหาดที่สวยงามและเป็นที่นิยมในเมืองระยอง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 11 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 500 เมตร ห่างจากบ้านเพประมาณ 6 กิโลเมตร ตัวหาดทรายขาวสะอาด ถือเป็นหาดที่ยาวที่สุดของฝั่งทะเลด้านตะวันออก มีความยาว 12 กิโลเมตร เป็นหาดที่สามารถเล่นน้ำ เดินชมทิวทัศน์ พักผ่อนที่เก้าอี้ชายหาด นั่งทานอาหารที่ร้านอาหารริมทะเล หากต้องการพักค้างคืน มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรม ริมหาดให้เลือกมากมาย
สวนพฤกษศาสตร์บ้านเพ เดิมชื่อ สวนรุกขชาติเพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง อยู่ถัดจากบ้านเพ เป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองระยองประมาณ 29 กิโลเมตร ตามถนนเลียบชายหาดไปแหลมแม่พิมพ์ (ทางหลวงหมายเลข 3145) เป็นพื้นที่ป่าสนริมชายหาดมีต้นสนหลากพันธุ์ขึ้นอยู่ 2 ข้างทางที่เลียบชายหาดปกคลุมอยู่คล้าย ๆ กับอุโมงค์นับเป็นเส้นทางที่สวยงามสายหนึ่งของจังหวัดระยอง นอกจากนั้นยังมีพันธุ์ไม้อื่น ๆ เช่น ไม้ยาง ไม้ตะเคียน เป็นต้น ที่บริเวณสวนสนแห่งนี้ยังเป็นหาดที่เหมาะแก่การเล่นน้ำ และโดยรอบบริเวณมีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
เกาะเสม็ดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งจังหวัดระยอง ชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทย และชาว ต่างประเทศ ตั้งอยู่บนตำบลเพ อำเภอเมือง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,125 ไร่ เกาะเสม็ด มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก เหตุที่มีชื่อว่า “เกาะเสม็ด” เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก
เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกาะที่มีหาดทรายขาวและน้ำใส รวมทั้งเป็นจุดด้ำน้ำตื้นชั้นดี มีปลา สวยงามชุกชุม และปะการังหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติที่นิยมดำน้ำชมปะการัง เกาะทะลุมีรูปร่างยาวรี หัวท้าย แหลม ตั้งอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ โดยชายฝั่งด้านตะวันตก คือบริเวณที่มีรีสอร์ท หาดทราย และทิวมะพร้าวร่มรื่น ผิดกับฝั่งด้านตะวันออก ที่หันออกสู่ทะเลไม่มีหาดทรายเป็นผาหินสีแดง สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเกาะทะลุ คือ ช่องทะลุ ซึ่งมีลักษณะเป็นโพรงขนาดใหญ่ทะลุ ถึงกันสองด้านแอบอยู่ใต้เพิงผาคล้ายสะพานหิน อันเกิดจากการสึกกร่อนเพราะคลื่นลมกัดเซาะอยู่นับพันหมื่นปี เกาะทะลุเที่ยวได้ ตลอดปี แต่ช่วงที่เหมาะที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ท้องฟ้าใส คลื่นลมสงบ
เกาะกุฎี จัดว่าเป็นเกาะที่มาหาดสวย ทะเลใส ปะการังน้ำตื้นงามมากไม่แพ้ทะเลใต้ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ จะมาแบบ One day trip น้อยคนนักที่จะมาแวะพัก ใครที่จะมาที่นี่ ต้องเหมาเรือจากบ้านเพ หาดสวนสน เพื่อมาลงที่เกาะ มีให้เช่าทั้งเรือยนต์ เรือสปีดโบ๊ท หรือเหมาเรือลากเรือกล้วย (นั่งได้ประมาณ 6-7 คน) ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงเกาะกุฎี
เกาะมันกลาง ถือเป็นหนึ่งในสามของ หมู่เกาะมัน ซึ่งประกอบไปด้วย เกาะมันใน เกาะมันกลาง และ เกาะมันนอก ตั้งเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่ง จังหวัดระยอง มากนัก ซึ่งการเดินทางสามารถขึ้นเรือได้ที่แหลมแม่พิมพ์ หรือท่าเรืออ่าวมะขามป้อม โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที หรือถ้าเป็นเรือเร็ว (Speed Boat) ก็จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น แต่ในการเดินทางครั้งนี้ เรือที่พาพวกเรามายังจุดหมายเป็นเรือประมงลำใหญ่ ดัดแปลงให้มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารในส่วนหน้าของเรือ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 20 คน ทั้งนี้เรื่องของความปลอดภัยนั้นมั่นใจหายห่วง เรือโดยสารที่ใช้เดินทางไปยังเกาะมันกลางนั้น นอกจากจะเป็นเรือลำใหญ่แล้ว ภายในเรือก็ยังมีพร้อมด้วยเสื้อชูชีพสำหรับผู้โดยสารทุกคน จึงกลายกังวลในเรื่องอันตรายระหว่างการเดินทางไปได้เลย
เกาะมันใน เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะมันที่มีทั้งหมด 3 เกาะ เรียกชื่อตามระยะทางจากฝั่ง เกาะที่อยู่ใกล้ชายฝั่งมากที่สุดก็เรียกเกาะมันใน เป็นเกาะที่มีพื้นที่ประมาณ 131 ไร่ มีอ่าวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เช่น อ่าวต้นมะขาม อ่าวหินโขดหญ้า อ่าวโกงกาง และอ่าวหน้าบ้าน โดยเฉพาะที่อ่าวหน้าบ้านมีปะการังที่สวยงาม ส่วนอ่าวโกงกางมีทรายเรียบ
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง ระยอง เป็นชุมชนริมแม่น้ำเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา มีแม่น้ำประแสกั้นเขตตำบล มีลำคลองลงสู่ทะเล มีการทำนากุ้ง เลี้ยงปลาน้ำกร่อยริมฝั่งแม่น้ำประแส มีท่าเรือประมงขนาดใหญ่ บริเวณปากแม่น้ำเป็นชุมชนหนาแน่น เป็นแหล่งการค้า ชาวบ้านทำเกษตร เช่น ปลูกมะม่วง มะพร้าว ประมงพื้นบ้าน เลี้ยงปลาในกะชังประมงทะเลลึก ผลิตภัณฑ์ทางการประมง ที่นี่ถือว่าได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชม ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาสัมผัสบรรยากาศริมทะเลและ วิถีชาวบ้าน นอนโฮมสเตย์ กินอาหารทะเลสด และท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆที่ขึ้นชื่อของปากน้ำประแส ซึ่งสามารถท่องเทียวได้ตลอดทั้งปี
ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อำเภอแกลง มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งแต่เดิม เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ทำสวนผลไม้ จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนี้ ได้ถูกทำลาย และสิ่งแวดล้อมป่าชายเลนเสื่อมโทรมลง เทศบาลตำบลปากน้ำประแสได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่พัฒนาป่าชายเลนผืนที่ใหญ่ที่สุดของจ.ระยอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์และศึกษาเรียนรู้ควบคู่กันไป โดยสร้างสะพานเดินศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทุ่งโปรงทอง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน ได้เห็นความสวยงามตามธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง จุดเด่น คือต้นโปรงที่ขึ้นหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่สะท้อนสีเขียวอ่อน จนกลายเป็นทุ่งโปรงทองที่สวยงามแปลกตา
ตั้งอยู่ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นสถานที่เก็บรวบรวมและแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อให้ประโยชน์ต่อการศึกษา ค้นคว้า และก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน แก่นักท่องเที่ยว สามารถเดินชมของเก่าอันทรงคุณค่าที่หาชมได้ยาก หลากหลายชนิด เช่น รถเก่า เครื่องใช้ไม้สอยสมัยโบราณ หนังสือ ธนบัตร ตะเกียง เครื่องดนตรี โดย ครูกัง-บุญเกียรติ บุญช่วยเหลือ” อดีตข้าราชการครู ผู้เป็นเจ้าของใช้เวลาสะสมของเก่ามา นานกว่า 40 ปี โดยใช้ชีวิตหลังเกษียณ ปรับปรุงบ้านของตนเอง บนเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ด้วยเหตุผลที่ว่าครูไม่อยากเก็บไว้ดูคนเดียว
สะพานรักษ์แสม ที่เที่ยวระยองน่าไปเช็คอิน เพราะเป็นสะพานแขวนทางเดินไม้ที่ทอดผ่านป่าชายเลนคลองท่าตาโบ๊ย บ้านเนินฆ้อ อ.แกลง เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ เราได้นำถ่ายภาพสวยๆ มาให้ได้ชมกัน เห็นแล้วสวยไม่แพ้ทุ่งโปรงทองเลยนะ
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสุนทรภู่ กวีเอกในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อนุสาวรีย์นี้เปิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2513 มีพื้นที่ 8 ไร่ครึ่ง เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสุนทรภู่นั่งเด่นสง่าในท่าที่กำลังแต่งโคลงกลอนอยู่หน้าสระน้ำใหญ่ เบื้องล่างมีรูปหล่อพระอภัยมณีกำลังเป่าปี่ และในสระน้ำใหญ่นั้นมีรูปหล่อนางเงือกแสนสวย กับนางผีเสื้อสมุทรที่กำลังเอื้อมมือจะยื้อยุดพระอภัยมณี นับว่าเป็น อนุสาวรีย์กวี แห่งแรกและแห่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศไทย ตั้งอยู่เลยแหลมแม่พิมพ์ไปทางตำบลกร่ำ อำเภอแกลง ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านสุนทรภู่ กวีศรีรัตนโกสินทร์ และในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี จะมีพิธีเซ่นไหว้บวงสรวง สักการะดวงวิญญาณของท่าน การแสดงนิทรรศการ และละครในวรรณกรรมของสุนทรภู่ โดยจังหวัดระยองจัดให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้บริเวณด้านหน้ายังมีร้านค้าขายอาหารของกินของฝากหลายร้านให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ
วัดถ้ำเขาประทุน ตั้งอยู่ใน ตำบลเขาน้อย อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง เป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม รวมไปถึงแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติอีกด้วย เพราะมีสภาพแวดล้อมที่มีภูเขาหินสูง หุบผา และถ้ำเล็ก ๆ อยู่ภายในถ้ำ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดระยอง
น้ำตกเขาชะเมา น้ำใส ไหลเย็น เพิ่มเติมด้วยธรรมชาติอันล้นหลาม เพื่อความสดชื้นให้กับผู้มาเยือน แหล่งความงามที่มีอยู่สร้างความผ่อนคลายและความสนุกด้วยน้ำตกใสสะอาดมีปลาพวงหินเต็มไปหมดเลย ในแต่ละชั้นก็จะมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปตามความสูง
ด้วยพื้นที่สวนผลไม้กว่า 500 ไร่ โอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ธรรมชาติอากาศเย็นสบายด้วยพรรณไม้นานาชนิด วางแผนการปลูกผลไม้เชิงท่องเที่ยวมามากกว่า 10 ปี โดยจัดวางผังปลูกผลไม้แต่ละชนิดอย่างเป็นระบบ มีผลไม้ไว้คอยต้อนรับท่านหลากหลายชนิด อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด ส้มโอ ชมพู่ ลำไย สละแก้วมังกร ลองกอง มะเฟือง มะยงชิด องุ่น ฯลฯ เป็นต้น สนุกกับบรรยากาศ และความสุขจากการเก็บผลไม้สดๆจากต้น สะดวกสบายด้วยรถบริการเข้าชมสวน สวนละไม เปิดบริการให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวทุกท่านเข้ามาสัมผัสบรรยากาศความสุข และสนุกสนาน และการทานผลไม้แบบบุฟเฟ่ต์ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของสวนผลไม้บนภูเขา ตั้งแต่เวลา 8:00-17.00 น.
จังหวัดตราด ไม่ได้มีแค่ทะเลสวย บอกเลยว่ายังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ หน้าร้อนปีนี้ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหนดี? เราขอแนะนำ 20 ที่เที่ยวตราด เที่ยวแบบครบ ๆ ทะเล ภูเขา และวัฒนธรรม
หมู่บ้านสลักคอก เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศทางใต้ของเกาะช้าง หลบซ่อนอยู่ในช่องแคบๆ ภายในเวิ้งวงกลมขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยคือ การลงเรือมาด หรือที่เรียกกันว่า เรือกอนโดลาเกาะช้าง เนื่องจากใช้พาหนะเรือเป็นหลักในการเดินทาง และมีบรรยากาศเมืองแบบคูคลอง จึงให้ความรู้สึกเหมือนล่องเรือในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีเลยทีเดียว
อ่าวสวยงามในอำเภอแหลมงอบ ที่มีจุดเด่นตรงหาดทรายละเอียดและวิวสวย มีความยาวของชายหาดประมาณ 500 เมตร โดยชื่ออ่าวมาจากต้นตาล 2 ต้นขึ้นคู่กันบริเวณกึ่งกลางอ่าวพอดี แต่ปัจจุบันต้นตาลได้ล้มไปแล้วจากน้ำทะเลเซาะชายฝั่ง
เกาะรังเป็นหนึ่งในหมู่เกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดตราดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการดำน้ำตื้นดูรอบโขดหินกลางทะเล เพราะบริเวณโดยรอบเกาะมีโขดหินโผล่พ้นเหนือน้ำอยู่หลายจุด มีปะการังและปลาทะเลมากมายหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่
เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงด้านป่าชายเลนของจังหวัดตราด โดยมีป่าชายเลนขนาด 2,000 ไร่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้อายุนานกว่า 100 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิดถึงพื้นป่าเลยทีเดียว ไฮไลท์อยู่ตรงที่การล่องเรือไปชมลานตะบูน ซึ่งเราจะล่องผ่านป่าในคลองขอนถึง 3 ช่วง โดยช่วงแรกจะเป็นป่าโกงกาง ช่วงที่สองเป็นโซนของป่าต้นจาก และช่วงสุดท้าย คือ ป่าตะบูน ที่เราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ของรากไม้ต้นตะบูนโผล่ขึ้นมายามน้ำลด มัดไขว้คดเคี้ยวไปมา ลอยตัวอยู่บนพื้นดินบริเวณนี้หลายไร่
อีกหนึ่งเกาะที่มีธรรมชาติสวยงามและมีชื่อเสียงโด่งดัง มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสจนมองเห็นปะการังพื้นทะเล จึงเหมาะกับการดำน้ำดูปลาทะเลและปะการังเป็นอย่างมาก และยังมีไฮไลท์เป็นสันทรายทอดลงทะเลที่ยาวถึง 300 เมตร สามารถพายเรือคายัคข้ามมาจากเกาะหมากได้
มองจากภายนอกดูเหมือนอาคารเรือนไม้ธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วที่นี่คือพิพิธภัณฑ์อันทันสมัยที่ซ่อนรูปอยู่ภายในอย่างมิดชิด จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวตราด ในส่วนของสถาปัตยกรรมนั้น เป็นแบบเรือนไทยท้องถิ่นผสมกับโคโลเนียล ใช้เสาปูน ยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา
ชื่อเต็มๆ ก็คือ โครงการฟื้นฟูบูรณะป่าชายเลนบ้านสลักเพชร เป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์และสวยที่สุดในเกาะช้าง มีทางให้เราเดินชมธรรมชาติบนสะพานไม้สีแดงสดตัดกับสีเขียวของป่าโกงกาง ทอดยาวไปจนสุดอ่าวสลักเพชร
หมู่บ้านป่าชายเลนที่ถูกยกย่องว่ามีความสมบูรณ์เป็นอันดับ 2 ของไทย โดยตัวหมู่บ้านได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนผื่นใหญ่ของชุมชนร่วมกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
วัดโยธานิมิต เป็นอารามหลวงแห่งเดียวของจังหวัดตราด สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมารวบรวมไพร่พลที่เมืองตราด แต่มาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดนี้ถูกเรียกว่า “วัดโบสถ์” เพราะมีพระอุโบสถสวยงามจนเป็นที่เลื่องลือ สิ่งสำคัญภายในวัดคือ วิหารโยธานิมิตร หรือ พระอุโบสถเก่าที่มีจิตรกรรมเล่าเรื่อง พระเวสสันดรชาดก ปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุ เช่น รอยพระพุทธบาท ตู้ลายรดน้ำ นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ สวนไทร และอุทยานการศึกษา
อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือรบและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งสร้างชื่อในสงครามยุทธนาวีเกาะช้างที่กองทัพเรือไทยสู้รบกับกองทัพเรือฝรั่งเศสที่กำลังประชิดชายฝั่งทะเลตราดในสมัยนั้น
อำเภอแหลมงอบ ดินแดนสุดแผ่นดินตะวันออก เป็นอำเภอสุดท้ายของเมืองตราดที่เที่ยวง่ายๆ ด้วยถนนเลียบชายหาด โดดเด่นด้วยประภาคารแหลมงอบ ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กที่หลายคนต้องมาเช็คอิน
น้ำตกธารมะยม ตั้งอยู่ทางเกาะช้างใต้ หรือขึ้นจากท่าเรือแล้วเลี้ยวซ้าย เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดบนเกาะช้าง มีน้ำไหลเต็มตลอดทั้งปี เอกลักษณ์เด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ สายน้ำที่ไหลตามร่องหินแรนิตสีดำอย่างสวยงาม และที่สำคัญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 , 6 และ 7 เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกนี้ และทรงลงปรมาภิไธยย่อสลักลงบนหินในบริเวณน้ำตกอีกด้ว
หากกำลังมองหาที่พักโฮมสเตย์ดี ๆ บ้านน้ำเชี่ยวยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนด้วย ชุมชนที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิต และการท่องเที่ยวจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
น้ำตกสะพานหิน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตราดเนื่องด้วยมีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำตกแห่งนี้จึงเป็นที่เที่ยวพักผ่อนยอดฮิตของชาวเมืองตราด และโดยรอบยังมีร้านขายอาหาร และเครื่องดื่มให้บริการอีกด้วย
เกาะใหญ่อันดับ 3 ของตราดซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด บนเกาะแห่งนี้มีจุดเด่นตรงพื้นที่เกาะซึ่งเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวสูงชะลูด ทั้งยังเป็นเกาะที่มีชายหาดน่าเล่นหลายแห่ง อาทิเช่นอ่าวตานิด อ่าวไผ่ อ่าวแดง และอ่าวพระ
ชายหาดทั้ง 2 แห่งนี้ก็มีทั้งน้ำทะเลสวย หาดทรายขาวสะอาดยาวต่อเนื่องจนสุดสายตา และยังมีทิวสนและทิวมะพร้าวสร้างความร่มรื่นริมชายฝั่งอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนยอดนิยมสำหรับครอบครัว และยังมีความพิเศษตรงบริเวณหาดมุกแก้วที่ทำมุมเหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกอย่างพอดิบพอดี
ทราบหรือไม่ว่าในโลกนี้มีหาดเพียง 5 แห่งเท่านั้นที่มีทรายเป็นสีดำ และที่ “หาดทรายดำ” ของอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ก็เป็นหนึ่งใน 5 หาดนั้น! โดยหาดแห่งนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าหาดหัวสน ซึ่งเป็นหาดในลักษณะป่าชายเลนที่มีทรายสีดำสนิทสมชื่อ และจะปรากฏให้เห็นในช่วงน้ำลงสุดเท่านั้น
เกาะหน้าตาแปลกที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก! ด้วยภูมิประเทศของเกาะที่มีลักษณะแบนราบเหมือนกับกระดาษ ไม่มีภูเขาสูงแบบเกาะอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย บนเกาะเต็มไปด้วยต้นสน และต้นมะพร้าว อาการศดี ลมเย็นสบาย มีคลื่นน้ำทะเลสีเข้มและหาดทรายสีเหลืองนวล
เกาะกูดเป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของจังหวัดตราด และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีความพิเศษในฐานะที่เป็นเกาะสุดท้ายของแผ่นดินไทยทางน่านน้ำฝั่งตะวันออก เกาะกูดแห่งนี้ได้รับฉายาว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” เนื่องจากตัวเกาะที่อยู่ห่างไกลชายฝั่ง ทำให้น้ำทะเลใสสะอาดจนเห็นท้องทราย และยังเป็นเกาะที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างงดงามอีกด้วย
เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต ซึ่งมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของตราด ครอบคลุมพื้นที่เกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ และเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างอีกด้วย เกาะนี้จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญของภาคตะวันออก
แน่นอนว่าใครที่อยากไปเที่ยวทะเล แต่ไม่อยากเดินทางไกล ๆ ทุกคนต้องนึกถึง พัทยา ชลบุรี อย่างแน่นอน และใครกำลังจะมาเที่ยวที่นี่ เราขอแนะนำ 20 ที่เที่ยวชลบุรี รับรองว่า เที่ยว กิน ฟิน ครบ อย่างแน่นอน!
เกาะขาม ตั้งอยู่ในอำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นเกาะยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีน้ำทะเลใส หาดทรายขาว เหมาะสำหรับมาเล่นน้ำพักผ่อน ถ่ายภาพสวยกับวิวทะเลสีฟ้าคราม แถมเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพ เป็นเกาะที่นอกจากความสวยงามของชายหาดแล้ว ภายในเกาะมีกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งการชมปะการังด้วยการดำน้ำแบบผิวน้ำ การชมปะการังด้วยเรือท้องกระจก พายคายัคชมทัศนียภาพของเกาะ
แกรนด์แคนยอนคีรี ที่เที่ยวชลบุรีแห่งนี้ อดีตเป็นบ่อดินลูกรังเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้นานหลายปี บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ มีความลึกประมาณ 30 เมตร ภายในบ่อมีน้ำสีเขียวมรกต และบริเวณรอบบ่อยังโอบรอบด้วยภูเขาสีเขา คล้ายภูเขาหิมะ ซึ่งความจริงแล้วมันคือภูเขาหินฝุ่น มีส่วนผสมของแร่ Asbestos เมื่อมันโดนน้ำฝนทับถมมาก ๆ เข้า มันจึงกลายเป็นอย่างที่เห็น
วัดญาณสังวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหารตั้งอยู่ที่ อำเภอบางละมุง จังหวัด ชลบุรีสร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๕๑๙ นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ พร้อมด้วยบุตรธิดา มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดิน จำนวน ๑๐๐ ไร่ ๑ งาน ๙๒ ตารางวาแด่สมเด็จพระญาณสังวรเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร(ปัจจุบันทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๒ ปัจจุบัน)เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา และปรารถนาให้มีนามตามทินนามสมณศักดิ์ของสมเด็จฯ วัดนี้จึงมีชื่อว่าวัดญาณสังวราราม วัดญาณสังวรารามถือเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องจากคณะผู้สร้างวัดได้พร้อมใจกันสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิม พระชนม พรรษาครบ ๕ รอบ วัดนี้อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก และได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระกรุณานานัปการจากองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ได้ทรงอุปถัมภ์ในการก่อสร้างตลอดมาและทรงรับเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นวัดในพระองค์อีกด้วย
วัดแสนสุข ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ไม่ไกลจากหาดบางแสน มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ มหาเจดีย์เกตุแก้วจุฬามณีอาสนสุขมหาวิหาร หรือ มหาเจดีย์วัดแสนสุข แลนด์มาร์คสายบุญ ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน มีความงดงามตระการตา นอกจากนี้ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของวัดทีตั้งอยู่ก่อนถึงทางเข้ามหาเจดีย์ ยังมีประติมากรรมปูนปั้น สวนพุทธ เมืองสวรรค์ แดนนรก เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้ละเว้นความชั่ว
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแหล่งความรู้เกี่ยวกับเต่าทะเล ที่อยู่ในความดูแลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) อำเภอสัตหีบ ชลบุรี ซึ่งทางกองทัพเรือได้ดำเนินการอนุรักษ์เต่าทะเลมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 การดำเนินงานของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ มุ่งเน้นที่จะอนุบาลเต่าทะเล ตั้งแต่ออกจากไข่ จนโตพอที่จะปล่อยลงสู่ทะเล กลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นแหล่งวิจัยเต่าทะเลเพื่อเป็นข้อมูลในการอนุรักษ์ มีโรงพยาบาลเต่าทะเลเพื่อรักษาเต่าทะเลที่ได้รับการบาดเจ็บ หรือเป็นโรค และ เป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม
หากพูดถึงเกาะขาม สัตหีบ จะไม่พูดถึงเกาะคู่ดูโอ อย่าง เกาะแสมสาร ก็คงไม่ได้ ด้วยกิตติศัพท์ของความสวยงามที่ไม่แพ้เกาะขาม ทำให้เกาะแสมสาร กลายเป็นเกาะที่โดดเด่นสำหรับคนที่มีเวลาน้อย บนเกาะแสมสารมีชายหาดที่สามารถเล่นน้ำและดำน้ำได้ 2 ชายหาด คือหาดเทียน และหาดลูกลม หาดเทียน คือ หาดซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือ ส่วนหาดลูกลมจะอยู่อีกฝั่งซึ่งต้องนั่งรถไปอีก โดยมีรถรับส่งฟรีระหว่างสองเกาะใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 5 นาที หาดลูกลมเป็นชายหาดที่สวยที่สุดของเกาะมีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าใส มีจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวทะเลในมุมสูงได้อย่างงดงาม
เกาะล้าน ทะเลแสนสวยน้ำใสแห่งพัทยา ที่อยู่ใกล้กรุงเทพเพียง 2 ชั่วโมง เป็นเกาะยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ หรือแสวงหาหาดทรายที่ขาวบริสุทธิ์ ท้องทะเลสีฟ้าครามดุจทะเลอันดามัน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย เกาะล้านอยู่ห่างจากชายฝั่งพัทยา 7 ก.ม. มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ เพราะน้ำทะเลที่เกาะล้านนี้ใสมากๆ มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นสนุกมากมาย เช่น เรือลากร่มชูชีพ เรือสกี สกู๊ตเตอร์ มีที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ บรรยากาศดี ให้ได้นั่งชิล ๆ เรียกได้ว่ามาเกาะเดียวได้พักผ่อนแบบเต็มที่แน่นอน
เกาะสีชัง สถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีธรรมชาติความงดงามแตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มีบรรยากาศที่สงบเงียบ อากาศบริสุทธิ์ มีสถานที่ ท่องเที่ยวอันงดงาม เป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่นซึ่งสามารถแวะ ท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ เกาะสีชังเป็นท้องที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเป็น สถานที่ประทับ ของพระเจ้า แผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากพระนามาภิไธย หลาย แห่ง และ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับ ในฤดูร้อนและพระราช ทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้
เกาะไผ่ ตั้งอยู่ที่บริเวณของ หมู่เกาะไผ่ อ่าวพัทยา ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ห่างจากเกาะล้านไปทางตะวันตก ประมาณ 10 กิโลเมตร ไฮไลท์ของ เกาะไผ่ ก็คือ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทางใต้ทะเล ที่ได้รับการดูแลและฟื้นฟูเป็นอย่างดีค่ะ เลยทำให้ที่นี่มีนักท่องเที่ยว ที่ส่วนใหญ่จะนิยมไปพักผ่อนชิล ๆ เล่นน้ำทะเล ดำน้ำ ชมปะการัง พายเรือคายัค เป็นต้น
หมู่บ้านช้างพัทยาเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับช้างในเรื่องต่าง ๆ ทำให้เป็นสถานที่ ๆ ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หมู่บ้านช้างยังมีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ใหญ่อย่างช้างด้วย จึงไม่น่าจะเป็นปัญหากับนักท่องเที่ยวที่เป็นนักอนุรักษ์ นอกจากให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวแล้ว หมู่บ้านช้างยังเปิดบริการให้นั่งช้างเที่ยวรอบ ๆ หมู่บ้านด้วย ซึ่งมีทั้งนั่งชมแบบทั่วไปกับแบบลุยครบวงจรที่ซึ่งจะได้ประสบการณ์มากกว่า (แต่ก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย) เพราะงั้นหมู้บ้านช้างพัทยาจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศเวลามาเที่ยวพัทยา หมู่บ้านช้างอยู่ทางด้านขวาของวัดสุทธาวาสประมาณกิโลเมตรกว่า ๆ หมู่บ้านช้างพัทยาเปิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2515 เพื่อเป็นที่พักอาศัยของช้างที่เอาไว้ใช้งานในอดีต โดยช้างเหล่านี้ไม่สามารถนำไปใช้งานหนัก ๆ ในป่าได้อีก (อาจจะด้วยอาการบาดเจ็บหรือสุขภาพไม่อำนวย) จึงนำช้างมาไว้ที่นี่เพื่อทำการอนุรักษ์ช้างไทยให้คงอยู่สืบไป ภายในหมู่บ้านช้างนักท่องเที่ยวจะได้รับการอธิบายว่าหมู่บ้านช้างมีขึ้นเพื่ออะไร มีวิธีการดูแลช้างอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร การฝึกฝนทักษะต่าง ๆ การอาบน้ำให้ช้าง การควบคุมช้างให้ไปในทิศทางที่ต้องการ วิธีการจับช้างป่าให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เป็นต้น โดยที่คำบรรยายเหล่านั้นถูกบรรยายเป็นภาอังกฤษ (เพราะว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเป็นหลักอยู่แล้ว) และแน่นอนที่สุดว่านักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปคู่กับช้างเหล่านั้นได้ด้วย นักท่องเที่ยวทุกเทศทุกวัย (ยกเว้นเด็กเล็กมาก) สามารถขึ้นไปนั่งบนช้างเพื่อเที่ยวชมรอบ ๆ หมู่บ้านได้ เพราะมีพนักงานนั่งไปด้วยจึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด เหมาะสำหรับใครที่ต้องการประสบการณ์การนั่งบนหลังช้าง ว่าเป็นอย่างไร สนุกหรือตื่นเต้นแค่ไหน โดยการนั่งช้างชมหมู่บ้านนี้ให้บริการวันละ 4 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าใครอยากนั่งชมช้างแบบลุยเต็มที่จะใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว
เมืองจำลองตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 143 เลยสี่แยก ตลาดนาเกลือ ประมาณ 500 เมตร เป็น สถานที่รวบรวมของโบราณสถาน และสถานที่สำคัญ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานพระราม 9 ปราสาทหินพิมาย ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีมินิยุโรป ซึ่งจำลองสถาปัตยกรรม ที่มีชื่อเสียง ของประเทศต่าง ๆ ทั่วภาคพื้นทวีปยุโรป และอเมริกา เช่นหอไอเฟล เทพี สันติภาพ แกรนแคนยอน ฯลฯ
สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา หรือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า มหาวิทยาลัยบูรพา ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี และเปิดให้บริการมามากกว่า 30 ปี มีเนื้อที่กว่า 30 ไร่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโลกใต้ทะเล เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางทะเล สิ่งมีชีวิตและความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตน่านน้ำของไทย
ที่นี่เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ทั้งสิ้น 5,000 ไร่ทีเดียว ซึ่งมีสัตว์มากถึง 300 ชนิด ทั้งสัตว์ของไทย และจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้าง กระทิง วัวแดง ฮิปโปโปเตมัส ชะนี ค่าง ลิงลม ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอกเทศ ไฮยีน่า เสือ สิงโต กวางดาว ละมั่ง แพะภูเขา เลียงผา หมี นกยูง นกกระเรียน นกเงือก และอื่น ๆ อีกมากมาย
สวนนงนุช เป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ภายในสวนมีบ้านทรงไทย สวนไม้ดอก ไม้ประดับ นานาชนิด สวนกล้วยไม้ สวนกระบองเพชร และสวนพฤกษชาติอื่น ๆ ภายใต้แนวคิดที่จะ ” จัดสวนให้คนมาเที่ยว “ดังนั้นจึงเปลี่ยน สวนผลไม้ ให้เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงได้สร้างสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ไว้ให้บริการสำหรับ นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่สนใจที่จะเข้ามาเที่ยวชมสวน มีบริการเรือ- ชนิดต่าง ๆ ให้เช่าพาย เล่นในสระ มีสัตว์หลายชนิดเลี้ยงไว้ให้ชม มีศูนย์แสดง ศิลปวัฒนธรรมไทยสำหรับ นักท่องเที่ยว จัดแสดง การฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (กระบี่กระบอง ฟันดาบ) กีฬา พื้นเมือง และการแสดง ของช้าง ในปัจจุบันสวนนงนุชพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าเลยก็ว่าได้
หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเช็คอินในวันหยุด นอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แล้วยังสามารถเที่ยวได้ทุกเพศทุกวัย จะไปกับครอบครัว เพื่อน ๆ หรือไปกับคนรู้ใจก็สนุกไปอีกแบบ
เป็นปราสาทที่ทำด้วยไม้ทั้งหลังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นปราสาทไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ แหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน
หาดเตยงาม เป็นหาดที่ตั้งอยู่ที่ อ่าวนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นหาดที่ดูแลโดยกองบัญชาการนาวิกโยธินนั่นเอง ที่ทำให้หาดนี้ยังคงความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่ของท้องทะเล สำหรับที่มาของชื่อเตยงามนั้น มาจากพืชพรรณไม้ตามธรรมชาติต่างๆ ที่ปกคลุมบริเวณรอบๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นเตยทะเล มะพร้าว ตาล และผักบุ้งทะเล ค่ะ แต่ที่ชายหาดจะมี ต้นเตยทะเล ขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อ “หาดเตยงาม” นั่นเอง
หาดพัทยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย ประกอบไปด้วยหาดพัทยาเหนือ พัทยากลาง และ พัทยาใต้ มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่น ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำนั่งพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่งอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ มากมาย
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักและนิยมมาอย่างยาวนานของนักท่องเที่ยว ด้วยความที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร ด้วยการเดินทางรถยนต์ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ มีความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร
หาดจอมเทียน ตั้งอยู่ทางทิศใต้อยู่หางจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 4 กิโลเมตร ชายหาดมีความยาว 6 กิโลเมตร มีถนนที่ร่มรื่นเลียบชายหาดโดยตลอด หากเปรียบเทียบกับหาดพัทยา หาดจอมเทียนมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนน้อยกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศเงียบสงบ แต่ไม่เงียบเหงาจนเกินไป เพราะหาดจอมเทียนตั้งอยู่ในย่านที่มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และการบริการที่ครบครัน หาดจอมเทียนมีบริการเก้าอี้ชายหาด ร่มชายหาด และอาหารหาบเร่ให้นักท่องเที่ยวได้รับประทานอาหารกลางวัน พร้อมนั่งพักผ่อนริมทะเล สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำ ชายหาดแห่งนี้บริการเครื่องเล่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบานาน่าโบ๊ท เจ็ทสกี วินด์เซิร์ฟ เรือใบ และพาราเซลลิ่ง นอกจากนี้บริเวณหาดจอมเทียนยังเป็นที่ตั้งของพัทยาปาร์ค สวนสนุกที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ น้ำวน และสไลด์เดอร์ขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเล่นต่าง ๆ อีกด้วย
จันทบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ใครกำลังมองหาที่เที่ยวทะเลแบบครบ ๆ แนะนำให้มากันเลย รับลองว่าฟินอย่างแน่นอน!
ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือประมงบ้านหัวแหลม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี ความโดดเด่นที่น่าสนใจของ คือ เจดีย์สีขาวเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนโขดหิน กลางน้ำทะเล ชาวบ้านเรียกกันว่า “เจดีย์บ้านหัวแหลม” เป็นเจดีย์ที่มีอายุกว่า 200 ปี เชื่อกันว่าสร้างไว้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมง โดยมีสะพานไม้พาดผ่านโขดหินน้อยใหญ่ยื่นยาวออกไปในทะเลระยะทางได้ประมาณ 50 เมตร เพื่อเป็นทางเดินไปสักการะ เจดีย์บ้านหัวแหลม
จุดชมวิวหินโคร่ง ตั้งอยู่ที่ ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี เป็นจุดชมวิวที่อยู่ทางด้านเหนือของหาดคุ้งวิมาน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาถึงคุ้งวิมาน มักจะเลี้ยวซ้ายเพื่อไปจุดชมวิวเนินนางพญา แต่ จุดชมวิวหินโคร่ง นั้นจะอยู่ทางด้านขวา บริเวณนี้จะมีลานจอดรถขนาดกว้างใหญ่ ก็เป็นบริเวณที่คนส่วนใหญ่มาจอดรถนอนพัก หรือเป็นจุดที่นำเรือเล็กขึ้นลงได้สะดวก ความสวยงามของ จุดชมวิวหินโคร่ง นั้น จะอยู่ตรงที่ หินเล็กหินใหญ่ ที่จะเรียงกันอย่างสวยงาม และคือหนึ่งจุดที่เป็นแลนด์มาร์คในการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วยค่ะ เป็นจุดถ่ายภาพออกมาได้สวยสุดๆ นอกจากนี้ยังแหล่งปลาชุกชุมของนักตกปลา และยังมีอีกกิจกรรมอย่าง การปูเสื่อนั่งปิคนิคที่นักท่องเที่ยวจะนิยมมากัน มีหาดเล็ก ๆ ที่เปิดให้ลงเล่นน้ำได้อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งนี้เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากคือ ไม้กฤษณา มีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกชนิดต่าง ๆ ตามลำห้วยมีปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด ปลาดุกรำพัน อาศัยอยู่
เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของเมืองจันท์อีกแห่ง หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย หลวงปู่ท่านเป็นผู้บุกเบิกวัดเขาสุกิมตลอดระยะเวลาที่ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ได้ก้าวขึ้นมาบนภูเขาสุกิมแห่งนี้ นับเป็นระยะเวลาถึง 30 ปีเศษ ( 2507-2543 ) หลวงปู่ท่านเป็นผู้บุกเบิกริเริ่ม ภูเขาซึ่งเป็นป่าดงดิบ ให้เป็นวัดที่ร่มริ่น เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณร ผู้ที่สนใจปฏิบัติกรรมฐาน เป็นสถานที่ทัศนาการของประชาชน ปัจจุบันวัดเขาสุกิมมีเนื้อที่ในการขออนุญาตสร้างวัด จำนวน 6 ไร่ 50 ตารางวา มีเนื้อที่เป็นของวัด 3,344 ไร่ ต่อ มาได้ยกที่ให้ โรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม 50 ไร่ และโรงพยาบาลวัดเขาสุกิม 14 ไร่ จึงเหลือเนื้อที่ของวัด 3,280 ไร่ ด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่มีต่อหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย จึงมีผู้คนมากมายแวะเวียนมาทำบุญที่วัด โดยไม่ขาดสาย
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 25 กิโลเมตร บนพื้นที่กว่า 68 ไร่ เป็นสถานที่เพาะพันธุ์ และอนุรักษ์ปลาโลมาในน่านน้ำจันทบุรีซึ่งมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์หัวบาตร และพันธุ์ปากขวด นอกจากนี้ยังมีสวนสมุนไพร ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้สรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด เช่น โด่ไม่รู้ล้ม จำเรียง อบเชย จันท์ชะมด เป็นต้น เป็นสถานที่ศึกษาธรรมชาติวงจรชีวิตของปลาโลมา การเพาะเลี้ยงปลาโลมาอีกด้วย
คุกขี้ไก่ เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ใกล้ตึกแดง ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ผนังก่ออิฐ กว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก อยู่กันอย่างแออัด ชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา
ตึกแดง ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่ ลักษณะเป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร เดิมทาสีแดง จึงเรียกว่า “ตึกแดง” ภายในแบ่งออกเป็น 5 ห้องมีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงทั้งสองข้างตามแนวยาว เป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ. 112 ในบริเวณป้อมพิฆาตข้าศึก โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พักของทหารที่ รักษาปากน้ำแหลมสิงห์ ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้แผ่อิทธิพลครอบครองญวนและเขมร และหาเหตุรุกรานไทยโดยอ้างว่า ดินแดนฝั่งซ้ายของ แม่น้ำโขงคือ อาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งแคว้น 12 จุไท เคยเป็นของญวนและเขมรมาก่อน จึงถือโอกาสเข้ายึดครองทำสงครามสู้รบ กับไทย ครั้งนั้นไทยต้องจ่ายค่าเสียหาย 4 ล้านบาท ก่อนจ่ายค่าเสียหาย ฝรั่งเศสจึงยึดจันทบุรีไว้ ตั้งแต่ พ.ศ.2436-พ.ศ.2446 จากวิกฤตการณ์ครั้งนั้นทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้ง 12 จุไทด้วย รัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการคานอำนาจเช่น ทรงแสวงหามิตรประเทศที่เป็นมหาอำนาจการยุโรป เช่น รัสเซีย เยอรมนี เพื่อคานอำนาจกับ ฝรั่งเศส รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้สร้างความประทับใจแก่ฝรั่งเศสเป็น อย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 ตึกแดงได้รับการบูรณะเพื่อใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอแหลมสิงห์และเลิก ใช้ไป จนกระทั่งในปัจจุบันตึกแดงเปิดให้ นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว หรือ น้ำตกพลิ้ว ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ภายในอุทยานฯ นอกจากจะมีน้ำตกสวยไหลตลอดทั้งปีแล้ว ยังเป็นจุดที่จารึกประวัติศาสตร์สำคัญของไทยอีกด้วย เพราะเป็นน้ำตกที่รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสถึง 12 ครั้งด้วยกัน และทรงโปรดให้สร้าง พีระมิดแห่งความรัก เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งภายในสถูปบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ อีกด้วย จนชาวบ้านเรียกกันติดปากสืบมาว่า พีระมิดพระนางเรือล่ม นั่นเอง
ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองชิ่ม อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นคาเฟ่ที่น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ หรือ สาว ๆ ที่อยากได้ภาพถ่ายชิค ๆ เพราะคาเฟ่แห่งนี้เป็นตัวอาคารที่สร้างกลางบ่อที่เลี้ยงปลาคาร์ฟ
คาเฟ่เปิดใหม่ ริมนาเกลือแห่งเดียวในจังหวัดจันทบุรี ความแปลกใหม่ของร้านที่เอาความเป็นนาเกลือมาเป็นจุดขายของร้านกาแฟ ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน และยังสามารถสัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวนาเกลือ นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ทางร้านสร้างจุดขายได้เป็นอย่างดี ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่มีอาชีพการทำนาเกลือ ที่นี่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก รวมทั้งนั่งจิบกาแฟท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์
Sky View Cafe At เกาะเปริด ตั้งอยู่ตำบลเกาะเปริด อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ที่นี่เรียกว่าเป็นคาเฟ่ยอดฮิตติดกระแสเลย เพราะว่าเป็นคาเฟ่ริมหน้าผา บรรยากาศดีสุด ๆ
ลานหินสีชมพู ตั้งอยู่ภายในบริเวณ เขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็น หินสีชมพู อมน้ำตาลแดง สวยงามแปลกตาที่อยู่ตามริมชายหาดยาวไปจนถึง บริเวณลานหินสีชมพู ที่เป็นจุดชมวิวของที่นี่ จะสามารถมองเห็นเกาะที่อยู่รอบ ๆ เช่น เกาะสะบ้า เกาะนมสาว เขาแหลมสิงห์ เป็นต้น
หาดเจ้าหลาว เป็นชายหาดที่สวยที่สุดในจันทบุรี อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 19 กิโลเมตร ถัดมาจากหาดแหลมเสด็จ มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นหาดทรายสีเหลืองละเอียด ชายยาวเกือบ 10 กิโลเมตร น้ำทะเลใสสะอาด คลื่นไม่แรง ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ผู้คนนิยมไปพักผ่อนกันที่นี่ในวันหยุด
ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ได้เริ่มก่อตั้งตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดทำโครงการพัฒนาด้านอาชีพการประมง และการเกษตรในเขตพื้นที่ดินชายฝั่งทะเลจันทบุรี โดยได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การส่งเสริมและ พัฒนาอาชีพราษฎรของศูนย์ฯ คุ้งกระเบน โดยได้ส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลนและรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้ เกิดประโยชน์สูงสุด พื้นที่โดยรอบของป่าชายเลน มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ จัดทำขึ้นนั้น มีระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินชมประมาณ 45 นาที – 1ชั่วโมง เป็นสะพานไม้ระแนง ทอดยาวเข้าไปในดงป่าชายเลน ซึ่งในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โปรงแดง ป่าสักดอกแดง ป่าสักดอกขาว ลำพูทะเล แสมทะเล เป็นต้น ต้นไม้แต่ละชนิดจะมีป้ายบอกชื่อ ลักษณะ และสรรพคุณของไม้นั้น ๆ ไว้ด้วย รวมถึงเราจะได้เห็นสัตว์น้อยแห่งป่าชายเลน อย่างเช่น ปลาตีน ปูแสม วิ่งไปมา รวมถึง บรรยากาศในการเดินชมค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอด 2 ข้างทาง
จุดชมวิวเนินทางพญา ตั้งอยู่บนเนินริมทะเลใกล้กับหาดคุ้งวิมานและปากอ่าวคุ้งกระเบน เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อของจันทบุรีเพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งถนนเลียบชายทะเลที่ทอดยาวไปจนถึงหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบริเวณปากอ่าว วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเส้นขอบฟ้า กับพระอาทิตย์กำลังใกล้ลาลับไป ผสมกับลมที่กำลังปะทะใบหน้า บนจุดชมวิวเนินนางพญา แห่งคุ้งวิมาน เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจยิ่งนัก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งจันทบุรี ที่มีความสวยงาม ทั้งทะเล ทั้งภูเขา ถือว่าเป็นวิมานแห่งจันทบุรี ที่ใครไม่เคยมา ต้องมาสัมผัสให้ได้ จุดชมวิวเนินนางพญา เป็นสถานที่ที่ชมวิวได้สวยงามที่สุด และมีคู่รักนำกุญแจมาคล้องเป็นสัญญารักระหว่างกันอีกด้วย บรรยากาศระหว่างทางก็จะเป็นจุดชมวิวต่าง ๆ ให้เราจอดรถได้ชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น สถานที่ให้ถ่ายรูป ศาลานั่งพักให้บริการนักท่องเที่ยว และมีขอบทางสีแดงให้นักปั่น ปั่นจักรยานไปตามเส้นทางถนนบูรพาชลทิตได้อีกด้วย เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนก็จะเห็นบริเวณกว้าง และวิวภูเขากับทะเลที่สวยงาม มีรั้วกั้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีลักษณะที่เป็นผาชันลงไป มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน ให้ได้ถ่ายรูปกัน เมื่อเราเดินไปทางด้านขวาของจุดชมวิว เราจะได้เห็นภาพที่สวยมาก ซึ่งเรามักจะเห็นโฆษณามาถ่ายทำอยู่บ่อยครั้ง
ฟาร์มแกะ สัตว์แสนน่ารัก และสัตว์แปลกหาดูยาก พร้อมวิวทิวเขาและธรรมชาติที่สวยงาม แห่งเดียวในจังหวัดจันทบุรี จุดเช็คอินคูล ๆ มีจุดถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย กังหันยักษ์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก สามารถเข้าไปถ่ายภาพด้านบนเพื่อมองบรรยากาศในมุมสูงของฟาร์ม แปลงดอกไม้หลากสายพันธุ์ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล รูปปั้นจำลองหัวโมอายยักษ์ (Moai) แห่งเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี รูปปั้นครอบครัวแกะหน้าดำขนาดใหญ่
จุดชมวิวปากน้ำแขมหนู เป็นจุดชมวิวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่สามารถแวะได้ง่าย อยู่ริมเส้นทางถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่ผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่นหาดเจ้าหลาว แหลมเสด็จ แหลมสิงห์ บริเวณจุดชมวิวมีบรรยากาศ และวิวทิวทัศน์สวยงาม เห็นวิวทะเลได้กว้าง และยังเดินชมวิวบนสะพานเฉลิมพระเกียรติได้ด้วย จึงเป็นสถานที่พักผ่อนที่หลายคนชอบแวะ เหมาะเป็นจุดนัดพบ มีที่จอดรถกว้างขวาง มีสุขาบริการ
วัดปากน้ำแขมหนู อำเภอท่าใหม่ แลนด์มาร์คถ่ายภาพสุดคูลของจันทบุรี ที่งดงามวิจิตรตระการตาด้วยลวดลายพื้นโบสถ์สีน้ำเงินตัดกับพื้นสีขาว คล้ายกับภาชนะลายครามที่ทำจากเซรามิกในสมัยโบราณ แตกต่างจากอุโบสถทั่วไปที่เคยพบเห็น เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ที่ได้เห็น จนมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความงาม ถ่ายภาพกันอย่างไม่ขาดสาย
โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล จังหวัด จันทบุรี หรือ อาสนวิหารพระแม่ปฏิสนธินิรมล เป็นโบสถ์ที่มีประวัติการก่อสร้างยาวนานถึง 275 ปี ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2254 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี โดยคุณพ่อเฮิ้ต โตแลนติโน และบรรดาคาทอลิกชาวญวน จนถึงปี พ.ศ. 2377 ได้มีการย้ายมาสร้างบนฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำจันทบุรี อันเป็นสถานที่ตั้งใน ปัจจุบัน โดยมิได้มีการบันทึกถึงสาเหตุของการย้ายแต่ประการใด และในปี พ.ศ. 2446 ได้ก่อสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันขึ้นให้มีขนาดใหญ่กว่าหลังเก่า เพื่อรองรับกับจำนวนคริสตศาสนิกชน ที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตก แบบโกธิค ภายในตกแต่งด้วยกระจกสี ที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่าง ๆ หลังจากนั้นได้มีการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนถึงปี พ.ศ. 2528 ได้มีการจัดงานฉลองโบสถ์คาทอลิกจันทบุรีครบรอบ 75 ปี นับได้ว่า โบสถ์ คาทอลิก แห่งนี้เป็น โบสถ์ ขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ และกล่าวกัน ว่า มีความงดงามมากที่สุดในประเทศ
ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีด้านตะวันตก แต่เดิมรู้จักกันในชื่อที่เรียกกันติดปากว่า “บ้านลุ่ม” ซึ่งเป็นชุมชน เก่าแก่ของชาวจีนและญวนอพยพตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาได้พัฒนามาเป็น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าของ จันทบุรีที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันคือสถานที่ท่องเที่ยว ที่หากใครที่มาเยือนจังหวัด จันทบุรี แล้วไม่ควรพลาด มีจุดเริ่มต้นจากเชิงสะพานวัดจันทร์ เป็นแนวไปตลอดจนถึงชุมชนตลาดล่าง บริเวณที่เรียกว่าท่าเรือจ้างอาคาร ส่วนใหญ่ เป็นที่พักอาศัย และร้านค้าของชุมชนที่มีอายุเกือบร้อยปี ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเป็นตึกแถวโบราณลวดลายไม้จำหลักอ่อนช้อย งดงาม อยู่ตามบานประตูหน้าต่างและมุมอาคาร ซึ่งจะพบรูปแบบเรือนขนมปังขิงปะปนอยู่ด้วย เพราะชาวจันทบุรีได้รับอิทธิพลจากการ ติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศเมื่อสมัย ร. 5 ลักษณะการฉลุลายของช่างฝีมือชาวจันทบุรี จัดได้ว่า มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการจำหลักฉลุช่องลม เป็นภาพจำหลัก นูนรูปหัวพยัคฆ์สอดแทรกอยู่ตามกิ่งเครือเถา หรือความคมเฉียบของลายที่แฝง ไปด้วยความอ่อนช้อย ของลายจำหลักจึงถือว่าเป็นย่านประวัติศาสตร์ของจันทบุรี
อุตรดิตถ์ หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า เมืองลับแล ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีที่เที่ยวน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ หรือที่เที่ยวแนวประวัติศาสตร์ ใครที่หาที่เที่ยวสงบ ๆ อากาศดี ๆ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง!
ก่อนเข้าไปยังตัวเมืองลับแล เราต้องลอดผ่านซุ้มประตูเมือง ที่ด้านข้างมีอนุสาวรีย์แม่ม่ายเมืองลับแล เป็นรูปปั้นหญิงสาวอุ้มลูกน้อย ข้าง ๆ มีสามีนั่งคอตก ในมือถือย่ามใส่ขมิ้น บริเวณฐานจารึกข้อความ “ขอเพียงสัจจะวาจา” ลัญลักษณ์สำคัญของเมืองลับแล เมืองที่มักถูกเรียกกันติดปากว่า ลับแล-แม่ม่าย ซุ้มประตูเมืองลับแล เป็นซุ้มประตูเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลับแล ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะประยุกต์แบบสุโขทัยมีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 41 เมตร
สถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติของเมือง วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองลับแล โดยจำลองผ่านเรือนในแต่ละหลัง เมืองลับแลนั้นเป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมเป็นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล แต่ปัจจุบันมีถนนตัดผ่านทำให้สภาพป่าหมดไป ความลึกลับของเมืองจึงหายไป
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งแห่งนี้ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย คือ สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่1 (พระยาลิไทย) ชาวบ้านทั่วไปเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดบรมธาตุ แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า วัดทุ่งยั้ง กรมศิลปกรได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้วัดนี้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 และเขียนชื่อวัดนี้ว่า วัดมหาธาตุ เป็นชื่อทางการ การสร้างพระบรมธาตุ กล่าวว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่1(พระยาลิไทย) ผู้ปกครองได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรจุไว้ในถ้ำใต้ดินโดยขุดลงไปเป็นถ้ำแล้ก่อพระธาตุไว้ โดยลักษณะเดิมของพระบรมธาตุเมืองทุ่งยั้งคงเป็นรูปเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ แต่ต่อมามีการบูรณะเพิ่มเติมโดยพญาตะก่า พ่อค้าไม้ ชาวพม่าในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2444 เป็นลักษณะเจดีย์พม่า จนใน พ.ศ.2451 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้ยอดพระบรมธาตุเจดีย์หักพังลงมา หลวงพ่อแก้วสมภารวัดพระบรมธาตุในขณะนั้นได้เป็นหัวหน้าปฏิสังขรณ์ซ่อมเพิ่มเติม ภายในวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง วิหารหลวงขนาดใหญ่ หน้าพระบรมธาตุเจดีย์ทุ่งยั้ง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ไว้ว่า วิหารหลวงเป็นของเก่า ที่หน้าบรรณจำหลักเมือง รามเกียรติ์ แต่สึกกร่อนไปมากแล้วเห็นจะบูรณปฏิสังขรณ์ฝาผนังภายในวิหารหลวง เขียนเรื่องสังข์ทอง เป็นฝีมือช่างกรุงยังปรากฏอยู่ เหตุที่เขียนเรื่องสังข์ทอง เพราะมีคำปรัมปราเมืองเหนือกล่าวกันว่าเมืองทุ่งยั้งเป็นเมืองท้าวสามล ในเรื่องสังข์ทอง ซึ่งเขียนในสมัยแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ พ.ศ. 2283 ในสมัยอยุธยา
ตั้งอยู่ที่บ้านฝายหลวง อำเภอลับแล ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ 9 กิโลเมตร ได้ชื่อมาจากการสร้างวิหาร ด้วยไม้สักเพียงต้นเดียวที่ขึ้นอยู่บนเนินสูงตามธรรมชาติ มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ บานประตูวิหารวัดดอนสัก หรือ บานประตูวัดดอนสัก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตัวเสาประตูเป็นลายกนกใบเทศสลับลายกนกก้ามปู บานประตูเป็นไม้แกะสลักทั้งบาน รูปลายกนกก้านขด มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่าง ๆ มีความอ่อนช้อยสวยงาม โดยบานซ้ายและขวานั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้วลวดลายมีความลงตัวเข้ากันได้สนิท เป็นคู่บานประตูไม้จำหลักโบราณสมัยอยุธยาที่มีความสวยงามคู่หนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ และเป็นบานประตูพุทธศาสนสถานที่มีความสวยงามมากที่สุด 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ บานประตูวิหารวัดพระฝาง, บานประตูพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ และบานประตูวิหารวัดดอนสัก โดยประตูวัดดอนสักนี้เป็น 1 ใน 2 คู่ บานประตูสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
น้ำตกแม่พูล ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตรเป็นน้ำตกที่เกิดจากการตกแต่งธารน้ำ โดยการเทปูนให้น้ำไหลลดหลั่นจากบนเขาสูงลงมา ดูคล้ายน้ำตกธรรมชาติ สูงหลายชั้น สภาพโดยรอบนั้นมีความร่มรื่นเต็มไปด้วยป่าไม้หลากหลายสายพันธุ์ มีธรรมชาติแวดล้อมที่สวยงาม มีศาลานั่งพักผ่อนและร้านอาหาารที่สามารถนั่งมองเห็นทิวทัศน์ของน้ำตกแม่พูลได้อย่างชัดเจน และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับตัวเมืองอุตรดิตถ์ที่มีถนนเข้าถึงสะดวกสบายบริเวณน้ำตกมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านอาหารและที่จอดรถไว้บริการ
เขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในอำเภอท่าปลาจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งกั้นแม่น้ำน่านที่ไหลลงมาจากอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เดิมอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อไป พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในพื้นที่ของเขื่อนกว้างขวางและมีจุดท่องเที่ยวมากมายให้ได้พักผ่อนเพลิดเพลินกับบรรยากาศธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ สวนสุมาลัย สะพานเฉลิมพระเกียรติ บรมราชินีนาถ และวังมัจฉา เป็นต้น
อุทยานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 2จังหวัด คือ ในอำเภอน้ำปาด อำเภอท่าปลา อำเภอบ้านโคกจ.อุตรดิตถ์ และอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ สภาพพื้นที่ยังประกอบไปด้วยป่านานาชนิดที่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ จุดสูงที่สุดของอุทยานฯ คือ ยอดเขาภูพญาพ่อ สูงถึง 1,350 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งใช้เป็นจุดแบ่งเขตจังหวัดแพร่กับจังหวัดอุตรดิตถ์ ในส่วนพื้นที่ของอุทยานฯในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ จุดชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบสุริยันต์จันทรา ที่มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนเหมือนภาพวาด แถมในยามเย็นยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามมาก
เป็นอุทยานแห่งผืนป่าเบญจพรรณที่มีเนื้อที่ 22,000 ไร่ ไฮไลท์ คือ ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก มีอายุประมาณ 1,000 ปี ซึ่งค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 สักใหญ่ต้นนี้ ลำต้นโต ขนาด 8 คนโอบ วัดโดยรอบได้ 948เซนติเมตร และความสูง 38.5 เมตร เนื่องจากส่วนยอดถูกลมพายุพัดหักแต่ลำต้นทั่วไปยังคงอยู่ในสภาพที่ดี
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคกอำเภอบ้านโคกตำบลห้วยมุ่นอำเภอน้ำปาดจังหวัดอุตรดิตถ์ตำบลบ่อภาคอำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูง จากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย จุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว คือ การได้ชมทุ่งดอกไม้สีม่วงที่เรียกว่า”ดอกหงอนนาค” และดอกไม้หลากสีสันสลับให้เห็นอยู่ทั่วลานสน ซึ่งจะบานในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน ส.ค. – ก.ย ของทุกปี
ไร่องุ่นคานาอัน เป็นไร่องุ่นที่บรรยากาศดีบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกมีมุมให้ถ่ายภาพมากมาย ไฮไลท์ คือ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นั่นคือ อาคารคานาอัน อาคารสไตล์ทัศคานีของอิตาลี สีสันสดใส สวยงามและโดดเด่น ภายในอาคารจะมีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปหลายมุม มีบันไดวนขึ้นไปดาดฟ้าเพื่อที่จะขึ้นไปชมบรรยากาศและทัศนียภาพโดยรอบพื้นที่ได้ ภายในอาคารมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหาร เครื่องดื่มเป็นอาหารสไตล์อิตาลี เช่น สเต็ก สปาเก็ตตี้ และอื่นๆ อีกมากมาย เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ คือ เมี่ยงใบองุ่น ที่นำใบองุ่นมาใช้ทานกับเครื่องเคียงของเมี่ยง ซึ่งทำให้ได้รู้ว่าใบองุ่นทานได้และอร่อยมากเมื่อมาทานเป็นเมี่ยง ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้ง ทั้งชา โกโก้ กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา น้ำผลไม้ รวมทั้งเบเกอรี่ของหวานให้ทานอีกด้วย
บ่อเหล็กน้ำพี้ ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพี้ หมู่ 1 ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ 56 กิโลเมตร เป็นแหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติโดยเป็นบ่อเหล็กกล้ามีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ และปรากฏเตาถลุงเหล็กโบราณนับพัน แห่งในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร แต่บ่อที่สำคัญและสงวนใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ มีอยู่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และ บ่อพระขรรค์ มีการนำแร่เหล็กจากบ่อเหล็กน้ำพี้ไปถลุงทำอาวุธเพื่อใช้ในการศึกสงครามมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ถึงความสำคัญของเหล็กน้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มีความแข็งแกร่ง ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ในตัว ในปัจจุบันชาวบ้านน้ำพี้มีการขุดแร่เหล็กน้ำพี้มาทำวัตถุมงคล เป็นส่วนผสมในการทำดาบ พระเครื่อง พระบูชาและเครื่องรางของขลังต่างๆ และเครื่องใช้เพื่อใช้ประกอบอาชีพจำหน่อยให้กับนักท่องเที่ยวและคนทั่วไปที่สนใจ
ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความกล้าหาญ รักชาติและเสียสละ เมื่อครั้งพระยาพิชัยครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี ท่านได้สร้างเกียรติประวัติไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2316 พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัย ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป ชาวไทยยกย่องวีรกรรมของพระยาพิชัยดาบหัก วีรบุรุษผู้รักชาติและมุ่งมั่นทำหน้าที่ปกป้องมาตุภูมิที่ตนหวงแหน ซึ่งอนุสาวรีย์แห่งนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความกล้าหาญของท่าน โดยเหตุการณ์ครั้งสำคัญนั้น เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2316 เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย และพระยาพิชัย ผู้ครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรีขณะนั้น ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป การรบในครั้งนั้น ดาบคู่มือของพระยาพิชัยข้างขวาได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังสามารถรบจนได้ชัยชนะเหนือทัพพม่า ด้วยวีรกรรมดังกล่าวท่านจึงได้สมญานามว่า “พระยาพิชัยดาบหัก” อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับการออกแบบและหล่อโดยกรมศิลปากร ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ภายในบริเวณมีพิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก อันเป็นที่เก็บรักษาดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 557.8 กิโลกรัม ฝักดาบทำด้วยไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินสลักลาย และพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก ที่ภายในเก็บรวบรวมประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก แบบจำลองสนามรบ วิถีชีวิตผู้คนเมืองอุตรดิตถ์ในสมัย อยุธยาตอนปลาย ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณ
ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ประดิษฐาน พระแท่นศิลาอาสน์ ปูชนียวัตถุสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีความเชื่อว่าการได้มาสักการะบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ จะได้รับอานิสงส์สูงสุด และเช่นเดียวกับพระพุทธบาทสระบุรี พุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธา
ร้านอาหารในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตกแต่งสไตล์ชาวล้านนาตามแบบฉบับของเมืองลับแล ท่ามกลางสวนร่มรื่น ภายในร้านตกแต่งเรียบหรู สะดวกสบาย มีมุมให้นั่งเล่นพักผ่อนหลายมุม ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในคุ้มของเจ้านางทางเหนือ ภายในร้านมีทั้ง zone ร้านกาแฟและร้านอาหาร รวมทั้งเป็นร้านจำหน่ายของฝากและสินค้าหัตถกรรมพื้นเมือง ผลไม้ตามฤดูกาล พื้นที่ของร้านแบ่งเป็น 3 โซน คือ บ้านของฝากลับแล ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า ร้านกาแฟลาลีกาซึ่งอยู่ริมถนน และร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุด
ตลาดเทศบาลศรีพนมมาศตั้งชื่อตามพระศรีพนมมาศ ตลาดแห่งนี้นอกจากจำหน่ายของสดแล้ว ยังมีของใช้ ต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้าของกระจุกกระจิก และของกิน นอกจากนี้ตลาดแห่งนี้ยังมีมุมสวย ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเที่ยว และเก็บภาพกันได้อีกด้วย
ใครกำลังมองหาที่เที่ยวธรรมชาติ และต้องการหนีความวุ่นวายในเมืองมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เราขอแนะนำ 20 ที่เที่ยวลำพูน มาเที่ยวกันเต๊อะรับรองจะติดใจ!
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้และยังเป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวปาเกอะญออีกด้วย บริเวณทางเข้าวัดจะมีอนุสาวรีย์พระครูบาชัยวงศาตั้งอยู่ วัดพระพุทธบาทห้วยต้มมีบริเวณที่กว้างขวาง เป็นศาสนสถานที่สำคัญ ศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนห้วยต้ม ภายในมีเอกลักษณ์ที่สวยงามด้วยเอกลักษณ์ล้านนา ทำจากศิลาแลงที่ขุดได้จากบ่อศิลาแลง ด้านหลังของวัด สถานที่สำคัญได้แก่ วิหารพระเมืองแก้ว ที่องค์พระธาตุได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม เป็นสถานที่บรรจุสรีระทิพย์ของหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน ที่ได้ชื่อว่าบรรยกาศที่เป็นธรรมชาติและทัศนนียภาพ สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งภูเขา น้ำตก และทุ่งหญ้ากว้าง เหมาะสำหรับคนที่รักความสงบและชื่นชมในความเป็นธรรมชาติ
อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เป็นอุโมงค์ทางรถไฟลอดผ่านยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 1,352.10 เมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2540 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2461 เป็นระยะเวลา 11 ปี นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปถ่ายรูปที่อุโมงค์ขุนตาลแห่งนี้ได้โดยการขับรถส่วนตัวไปเอง หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งรถไฟก็ได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม
สะพานขาวทาชมภู เริ่มก่อสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2461 และสร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2463 โดยมีรูปทรงเป็นทรงโค้งทาสีขาวในแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก นับเป็นสะพานประวัติศาสตร์ ที่มีความแปลกและท้าทาย คือเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ปกติสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็กเท่านั้น เพราะสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่สร้างสะพานเป็นภาวะสงคราม จึงไม่สามารถหาเหล็กมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยมของ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินได้ ทำให้สะพานขาวทาชมภูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ และในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปสำหรับนักท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นจุดเช็กอินหลักของจังหวัดลำพูนเลยก็ว่าได้ อีกทั้งทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานที่คู่รักจะมาจดทะเบียนสมรถ ณ สะพานขาวทาชมภูแห่งนี้
เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูนและอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีขนาดพื้นที่ประมาณ 255.29 ตารางกิโลเมตร 159556.25 ไร่ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่งดงามอุดมสมบูรณ์ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ตลอดจนเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ นอกจากนี้บนยอดดอยขุนตาลจะพบพรรณไม้ดอกซึ่งเป็นไม้ออกดอกที่หมุนเวียนตลอดปี เช่น กล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ พืชสกุลขิง และลิลลี่ รวมไปถึงยังคงมีสัตว์ป่าที่เหลืออยู่ เช่น เก้ง กระต่ายป่า หมูป่า เม่น ไก่ป่า นก แมงมุงและแมลง นานานชนิด สำหรับการเดินทางสามารถเดินทางได้โดย รถยนต์ส่วนตัว และรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟขุนตาล
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีความโดดเด่นและขึ้นชื่อในเรื่องของผ้าบาติกมัดย้อม คือทำกันเป็นล่ำเป็นสันมากเธอ หลายครัวเรือนทำเป็นอาชีพหลักเลยก็ว่าได้ ขายกันทั้งแบบส่ง และแบบปลีก รับทำตาม order ด้วย โดยจะมีแบบให้ลูกค้าเลือกมากมายตามใจชอบ เราปักหมุดไปที่ร้าน นุชผ้ามัดย้อม อะเธอ เป็นแหล่งผลิตผ้าบาติกมัดย้อมรายใหญ่รายหนึ่งของบ้านกองงาม มีกระบวนการผลิตครบวงจร มีผ้าบาติกมัดย้อมให้เลือกหลากหลาย ดีไซน์ทันสมัย และอินเทรนเข้ากับแฟชั่นปัจจุบัน เด็กใส่ได้ ผู้ใหญ่ใส่ดี
วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย ปัจจุบันสามารถนำรถขึ้นไปได้
ดอยขะม้อ เป็นภูเขาอยู่ลูกหนึ่งลักษณะสูงชันมาก รูปร่างเหมือนหม้อคว่ำ ชาวเมืองเรียกกันมาแต่โบราณว่า “ดอยคว่ำหม้อ” ต่อมาเพี้ยนมาเป็น “ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์” ที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะว่าบนยอดดอยมีบ่อน้ำที่เกิดกลางแผ่นดิน ถือกันมาแต่โบราณว่าเป็นบ่อน้ำทิพย์ ที่บริเวณปากบ่อจะมีป้ายปักไว้ว่า “บริเวณบ่อน้ำทิพย์ห้ามผู้หญิงเข้า” เพราะเมื่อผู้หญิงเข้าไปแล้วน้ำในบ่อจะแห้งทันที ยอดดอยขะม้อมีความกว้างประมาณ 12 เมตร ยาว 30 เมตรล้อมรอบดอยนี้มีเขาสูงสลับซับซ้อนกันหลายลูกและมีพันธุ์ไม้นานาชนิดขึ้นอย่างหนาแน่น ด้านบนมีพระวิหารตั้งอยู่หลังหนึ่งกับรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่หน้าวิหาร มีแผ่นศิลาจารึกเป็นภาษาไทยล้านนาว่า“ได้สร้างพระวิหารและรอยพระพุทธบาทจำลองเมื่อ พ.ศ.2470 โดยครูบาสิงห์ชัย วัดสะแล่ง พระครูชัยลังกา วัดศรีชุม ขุนจันทนุปาน กำนันตำบลมะเขือแจ้ และนายชัย กำนันตำบลบ้านกลาง ได้ชักชวนประชาชนสร้างสิ้นค่าก่อสร้าง 3,000 รูปี ทำบุญฉลองเมื่อ พ.ศ.2472” ตั้งอยู่ในเขตตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เลขที่ 259 หมู่ที่ 12 เป็นที่ตั้งที่พักสงฆ์ดอยขะม้อ (บ่อน้ำทิพย์) ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 16 กิโลเมตร บ่อน้ำทิพย์เป็นลักษณะบ่อที่เกิดกลางแผ่นดิน ไม่ใช่บ่อที่มีคนขุด มีกว้างประมาณ 3 เมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรียว ลึกลงไปเป็นรูปกรวย ความลึกของบ่อน้ำทิพย์นั้นไม่สามารถลงไปวัดได้ น้ำทิพย์จากดอยขะม้อ ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 7 แห่ง ที่ได้มาจากแม่น้ำและแหล่งน้ำสำคัญและเป็นสิริมงคลของประเทศ เพื่อนำมาทำน้ำพุทธมนต์ ณ มหาเจดีย์สถานอันเป็นมหานครโบราณ 7 แห่ง ได้แก่ น้ำจากแม่น้ำป่าสัก ตำบลท่าราบ,น้ำจากทะเลแก้ว พิษณุโลก,น้ำโชคชมพู บ่อแก้ว บ่อทอง สวรรคโลก,น้ำจากแม่น้ำนครไชยศรี นครปฐม,น้ำจากบ่อวัดหน้าพระลาน บ่อวัดเสมาชัย บ่อวัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช,น้ำจากบ่อวัดพระธาตุพนม นครพนม และน้ำทิพย์จากดอยขะม้อ ลำพูน น้ำทิพย์ดอยขะม้อ จะถูกชักรอกด้วยค้างหงส์ เพื่อนำขึ้นสรง องค์พระบรมธาตุหริภุญชัย ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือนแปดเป็ง) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวจังหวัดลำพูน เนื่องจากถูกกำหนดให้เป็นน้ำสำหรับสรงพระบรมธาตุหริภุญชัย ซึ่งชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เป็นมิ่งขวัญ และเป็นจอมเจดีย์ที่สำคัญ ที่สุดของอาณาจักรล้านนาโบราณ สำหรับพิธีการตักน้ำทิพย์บนยอดดอยวันเวลาในการตักน้ำทิพย์ ตามธรรมเนียม พื้นเมือง จะตักในวันขึ้น 12 ค่ำ ก่อนวันสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย 3 วัน จะนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป ขึ้นไปเจริญพระพุทธมนต์ ณ บริเวณยอดดอยขะม้อ เวลาค่ำมีการทำพิธีบวชพราหมณ์ จำนวน 4 ตน ซึ่งจะต้องนอนค้างคืน 1 คืน และประมาณ เวลา 05.00 น. ของเช้าวันขึ้น 12 ค่ำพราหมณ์ ทั้ง 4 ตน จะได้ลงตักน้ำทิพย์ใส่หม้อน้ำทิพย์ขึ้นเสลี่ยงแบกหามลงมาทำพิธีสมโภช หลังจากนั้นจะจัดขบวนอัญเชิญน้ำทิพย์ดอยขะม้อเข้าเมืองหริภุญชัยเพื่อตั้งสมโภชที่วัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นเวลา 3 วัน ก่อนนำขึ้นสรงพระบรมธาตุเจ้า ร่วมกับน้ำสรงพระราชทาน
วัดต้นแก้ว สันนิษฐานว่าย้ายมาจากวัดดอนแก้ว ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ. 1825 เป็นวัดที่สร้างในสมัยพระนางเจ้าจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่ง นครลำพูน เริ่มสร้างเมืองลำพูน เหตุที่ย้ายมาเนื่องจากวัดดอนแก้ว เป็นวัดใหญ่ที่ขาดการดูแลรักษาจึงผุพังไปตามกาลเวลา จึงได้ย้ายมาสร้างวัดต้นแก้วขึ้นใหม่ โดยมีแม่เฟย พร้อมผู้มีศรัทธาช่วนกันก่อสร้างวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 1830 ภายในบริเวณวัดมีการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวยองบนกฎิเก่า ก่อตั้งโดยพระครูไพศาลธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นแก้วเมื่อปี พ.ศ.2530 โดยเริ่มต้นเก็บสะสมของโบราณที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันตามวิถีชีวิตของชาวยองในอดีต ภาพโบราณ เมืองลำพูน พระเครื่อง รวมไปถึงผ้าทอโบราณ การทำไร่ ทำนา ได้แก่ คุดีข้าว ล้อเกวียน เมื่อมีสิ่งของมากขึ้นก็จัดแสดงเป็น พิพิธภัณฑ์เล็กๆ ภายในวัด หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้มีจิตศรัทธา นำสิ่งของเก่าๆมาบริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้จัดทำเป็น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดต้นแก้ว พิพิธภัณฑ์วัดต้นแก้ว หรือพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวยอง ประกอบด้วยอาคารที่ใช้จัดแสดง 2 หลัง ๆ แรกเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ ใช้เก็บของที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปไม้ พระพุทธรูปเนื้อดินเผา หีบพระธรรม เครื่องเขิน ขันโตก เครื่องจักสาน กล้องยาสูบ ภาพถ่ายเก่า ๆ มีดดาบ และวัตถุสิ่งของที่ใช้ในการทอผ้า ซึ่งเป็นข้าวของเป็นสิ่งที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวยอง ในชุมชนแห่งนี้มาแต่ครั้งอดีต อาคารหลังที่สอง เป็นอาคารไม้หลังเก่าอยู่ทางด้านหลัง จัดแสดงเครื่องพัดยศ และพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ อีกมากมาย และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสืบชะตาอีกด้วย จุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ การเก็บรวมรวมพระเครื่องสกุลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงของลำพูนเอาไว้มากมาย เช่น พระรอด พระคง พระบาง พระลือ พระเลี่ยง พระเปิม พระสิบสอง พระลบ เป็นต้น นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแล้ว วัดต้นแก้วยังเป็นทั้งศูนย์เรียนรู้การทอผ้ายกดอก จังหวัดลำพูน เป็นที่ทำการของกลุ่มทอผ้า ผู้สูงอายุ เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน และศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ปัจจุบัน วัดต้นแก้วเป็นพื้นที่ให้คนต่างกลุ่ม ต่างอายุได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ร่วมกัน โดยวัดได้จัดให้มีโครงการหมู่บ้าน “ยอง” เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ของตน นับเป็นอีกความพยายามหนึ่งที่จะรักษาเอกลักษณ์ของคนยองเอาไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของคนยอง
เป็นวัดที่มีความสวยงามโดยเฉพาะวิหารได้ติดอันดับ 1 ใน 10 วิหารสวยของประเทศไทยอีกด้วย พระวิหารพระเขียวโขง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2536 โดยใช้วัสดุเสาไม้ตะเคียนทอง ไม้แดง จากประเทศลาว พม่า และไทย พระครูบาอินทรเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างและออกแบบลวดลายพื้นเมือง ผสมผสานระหว่างสมัยเก่ากับสมัยใหม่ วิหารพระเจ้าเขียวโขงเมื่อมองจากด้านหน้าจะมีหลังคา 5 ชั้นมีช่อฟ้า 5 ตัวหมายถึงพระเจ้า 5 พระองค์ ด้านหลังอีกสามหมายถึงศีลสมาธิปัญญา หมายถึงการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า เพื่อเดินเข้าสู่พระนิพพาน หน้า 5 รวมหลัง 3 เป็น 8 หมายถึงต้องปฏิบัติตามทางสายกลางคือมรรค 8 ได้ธรรมมัชฌิมา ทางสายกลางคือ 9 เป็นโลกุตรธรรม นอกจากนี้ภายในวิหารพระเขียวโขงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอัญญรัตนมหานาทีศรีหริภุญชัย หรือพระเขียวโขง เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินแม่น้ำโขง บ้านดอนมหาวัน ที่ใกล้กับประเทศลาว ใครที่มีโอกาสได้ไปจังหวัดลำพูน ก็อย่าลืมที่จะแวะไปชมความสวยงามของวัดสันป่ายางหลวงกันนะ
วัดมหาวัน (มหาวันวนาราม) เป็นพระอารามหลวงของพระนางจามเทวี เจดีย์วัดมหาวันเป็นที่บรรจุพระรอดลำพูน 1 ใน 5 พระเครื่องชุดเบญจภาคีที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่า พระรอดมีความศักดิ์สิทธิ์หรือความขลังในด้านแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตรายและความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผลและคงกระพันชาตรี หากใครได้มากราบไหว้บูชาพระรอดก็จะพ้นภัยอันตรายทุกสิ่งปวง วัดเก่าแก่ อายุกว่า 1,300 ปี สร้างในสมัยพระนางจามเทวี มีพระพุทธรูปปางนาคปรกที่อัญเชิญมาจากเมืองละโว้ กรุพระเครื่องชื่อดัง คือ พระรอดมหาวัน ถือเป็นแบบพิมพ์องค์พระรอดที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ที่ถนนจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน เป็นวัดที่เก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี อาณาเขตทิศเหนือจรดทางสาธารณประโยชน์ ทิศใต้จรดทางสาธารณประโยชน์และถนนจามเทวี ทิศตะวันออกจรดทางสาธารณประโยชน์และคูเมืองส่งน้ำ ทิศตะวันตกจรดทางสาธารณประโยชน์ อาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง หอไตร ปูชนียวัตถุ พระพุทธรูปพระประธานสร้างด้วยอิฐถือปูน ศิลปะล้านนา
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ตำบลในเมือง บริเวณด้านหลังตลาดหนองดอก ห่างจากศาลากลางจังหวัดลำพูนประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย พระนางทรงเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม เป็นนักรบที่มีความสามารถและกล้าหาญชาญชัย พระนางคือผู้นำพระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมมาเผยแผ่ในดินแดนแถบนี้จนรุ่งเรื่องสืบมาจนถึงปัจจุบัน พระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม ความสามารถและกล้าหาญ ได้นำพุทธศาสนาศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้จนมีความรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร ได้เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2525
ตั้งอยู่ใน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นอาคารที่เก่าที่สุดหลังหนึ่งในเขตกำแพงเมืองลำพูน เป็นเรือนพักอาศัย ซึ่งเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย สร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่ชายาเจ้ายอดเรือน ชายาองค์สุดท้าย เมื่อปี พ.ศ.2470 ซึ่งมีความเก่าแก่และยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ประกอบด้วย อาคารเรือนไม้ ข่วง ลานดินกว้างหน้าบ้าน ต้นไม้มงคล ยุ้งข้าว บ่อน้ำและส่วนประกอบอื่น ๆ ปัจจุบันคุ้มเจ้าเรือน เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นแหล่ง ศึกษาหาความรู้ด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองลำพูน เป็นการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมให้มีสภาพ สมบูรณ์ และสามารถใช้เป็นสถานที่จัดแสดงอาคารโครงสร้างบ้านเก่า สิ่งของ เครื่องใช้พื้นบ้าน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เจ้าผู้ครองนครลำพูน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย
ตั้งอยู่ในเมืองลำพูน ด้านหลังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหริภุญชัย โดยใช้พื้นที่ของคุ้มเจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ ลำพูน ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติความเป็นมาอันยาวนานของเมืองลำพูน เมืองที่มีความศรัทธา ทางพระพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ร่วมเรียนรู้เมืองลำพูนผ่านภาพถ่าย ทั้ง บุคคล เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่มีชีวิตโดยมีการจัดแสดงภาพ เมืองลำพูน สิ่งของเครื่องใช้และวิถีชีวิตของ ชาวเมืองลำพูน ในอดีตได้อย่างงดงามเข้าใจง่าย
ตลาดหนองดอก หรือ กาดหนองดอก เป็นตลาดเย็น อยู่แถวอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีข้างตลาด มีจำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องแต่งกาย และเป็นตลาดใหญ่ที่ยังคงเสน่ห์แบบลำพูน และยังเป็นตลาดยอดนิยมของจังหวัดลำพูน
สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน นักท่องเที่ยวสามารถมาชื่นชมผลงานสร้างสรรค์ของคนลำพูนได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.โดยทางสถาบันได้จัดโซนร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากหลายจากฝีมือคนลำพูนไว้ให้เลือกชมเลือกซื้อเป็นของฝากมากมาย
วัดพระยืน ตั้งอยู่ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของลำพูน ชื่อเดิมว่า วัดพฤทธมหาสถาน ซึ่งพระเจ้าธรรมมิกราช กษัตริย์หริภุญชัย เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1606-1611 พระเจดีย์เป็นทรงมณฑป มีพระพุทธรูปยืนทั้งสี่ทิศ เครื่องบนประกอบด้วยเจดีย์ห้ายอด โดยมีเจดีย์ทรงระฆังและเจดีย์ทรงกลมขนาดเล็กเป็นประธาน คล้ายกับอานันทเจดีย์ที่เมืองพุกาม และพระเจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย
กู่ช้าง กู่ม้า เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่คู่กัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เมื่อต้องการ สมหวังในสิ่งใด ก็มักจะมา ขอพรกันที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งโบราณสถานที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ตลอดจนเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของคนในชุมชน ด้วยความเชื่อว่าเป็นสุสานช้างศึก – ม้าศึก คู่บารมีของพระนางจามเทวี
วัดจามเทวี หรือที่ ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่บนถนนจามเทวี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญมา ตั้งแต่สมัยล้านนาไทย ที่มีความสําคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดีตามหลักฐานที่ได้พบศิลาจารึกเชื่อว่า พระราชโอรส ของพระนางจามเทวีคือ พระเจดีย์มหันตยศ และพระเจ้าอนันตยศโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายพระเพลิง แล้วโปรดให้สร้าง เจดีย์เหลี่ยมมียอดหุ้มด้วยทองทองเรียกชื่อว่า สุวรรณจังโกฏิ พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏิ หรือพระเจดีย์จามเทวี เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมแบบ พุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้น ๆ พรศิลปกรรมของลพบุรีมีพระพุทธรูป ยืนปาง ประทานพรอยู่ในซุ้มพระทั้งสี่ด้านด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ ภายในพระเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ แห่งนครหริภุญชัย ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบแน่ชัดยอดพระเจดีย์ได้หักหายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่ากู่กุดพระเจดีย์ องค์นี้มีชื่อเป็น ทางการว่า พระเจดีย์สุวรรณจังโกฎพระเจดีย์องค์นี้ ถือเป็นแบบสถาปัตยกรรมที่มีความสําคัญในศิลปกรรมหริภุญชัย
วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนานตั้งอดีตนับเวลามากกว่าพันปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทาง ทิศตะวันออก นอกจากนั้นยังเป็นองค์พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปี ระกา อีกด้วย
ลำปาง เป็นอีกจังหวัดที่มีธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนที่เงียบสงบ และมีเสน่ห์ แถมมีอากาศที่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายให้เราได้ไปเที่ยวกัน..พลาดไม่ได้กับ 30 ที่เที่ยวลำปาง ไปเที่ยวกันเต๊อะ มันดีต่อใจ!
สะพานไม้ไผ่ที่มีความยาวถึง 900 เมตร โครงสร้างเป็นไม้สัก และเสาซีเมนต์ เชื่อมระหว่างวัดหลวงนางอย และอุโบสถ เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อพระพุทธศาสนาลงมือร่วมใจกันสร้างขึ้น โดยจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และอำนวยความสะดวกในการประกอบพิธีสงฆ์ อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของลำปางด้วย
วัดนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบบนภูเขาที่เรียกว่า “ดอยพระฌาน” สามารถมองเห็นทิวทัศน์ และทัศนียภาพที่สวยงามของอำเภอแม่ทะ เห็นทิวเขาต้นไม้เขียวขจีได้รอบทิศ ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวในช่วงเช้าสามารถชมทะเลหมอกอันงดงามได้อีกด้วย ทั้งนี้วัดมีพื้นที่ 2 ส่วน คือ พื้นที่ด้านล่างซึ่งเป็นตัววัด และพื้นที่บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของพระธาตุ ซึ่งต้องขับรถต่อไปจากตัววัดประมาณ 4-5 กิโลเมตร
วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางคง เพราะวัดนี้ถือเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วดอนเต้า” (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง
“ฟาร์มแกะ Hug you” ที่นี่มีแกะขนฟู น่ารัก ๆ ให้ได้แวะมาถ่ายรูป และให้อาหาร ที่นี่มีคาเฟ่ให้มานั่งพักคลายร้อน มีเครื่องดื่มให้เลือกหลายเมนู แล้วยังมีและผลิตภัณฑ์จากแกะ ไม่ว่าจะเป็นนมแกะ ไอศกรีมโฮมเมด ให้เลือกชิม เลือกช้อป หรือจะเลือกเป็นของฝากก็ได้ตามสะดวก
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของโรงไฟฟ้าแม่เมาะกันแล้วใช่มั้ย แต่วันนี้จะมานำเสนอมุมมองทางธรรมชาติของแม่เมาะ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน คือแต่ละฤดูทางโรงไฟฟ้าแม่เมาะจะผลัดกันปลูกดอกไม้และต้นไม้ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ดอกปอเทือง ดอกคอสมอส ยิ่งถ้ามาช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทุกคนจะพบกับทุ่งบัวตองเหลืองอร่ามตา ซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับ นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ำห้วยทราย ที่ให้เราได้หยุดเก็บภาพสวย ๆ กันด้วย
“ทุ่งดอกบัวตอง แม่เมาะ” อยู่บนบริเวณยอดดอย ซึ่งทุ่งดอกบัวตองอยู่บริเวณเนินเขาในเหมืองแม่เมาะนั่นเอง ใครที่มีแพลนเที่ยวเหมืองเมาะอยู่แล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวทุ่งดอกบัวตองช่วงเดือนพฤศจิกายน ดอกบัวตองจะบานสะพรั่งรอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสความสวยงาม
ที่เที่ยวลำปางอีกแห่งที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่นี่มีกิจกรรมล่องแพ พายเรือ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่เมาะ เป็นพื้นที่ป่าชุมชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีคุ้งน้ำขนาดใหญ่ ที่มีหน้าผาขนาบทั้ง 2 ด้าน น้ำใส มีถ้ำซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกและหินย้อย ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ ลำน้ำที่ไหลผ่านช่องเขาที่มีหน้าผาสูงชัน
กาดทุ่งเกวียน หรือตลาดทุ่งเกวียน ตั้งอยู่บนถนนสายเอเชีย แวะมาซื้อของฝากที่นี่ เพราะมีร้านขายของเรียงรายกันอยู่เพียบ เช่น แคปหมู ไส้อั่ว ข้าวซอย ข้าวแต๋น ผลหมาก รากไม้ อบแห้ง แช่อิ่มทั้งหลาย ราคาไม่แพง
“ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” ที่เที่ยวลำปางที่ใคร ๆ ก็ต่างพากันแวะมาชมความน่ารักของช้าง ที่นี่มีการจัดการแสดงของช้าง ให้อาหารช้าง ขี่ช้าง หรือจะดูช้างอาบน้ำ นอกจากคุณจะได้มาเที่ยวแล้ว ยังได้ช่วยสนับสนุนให้น้องช้าง อีกด้วย
เอาใจเด็กแนว และสาว ๆ ที่ชอบถ่ายรูปแนวฮิป ๆ ให้มาเที่ยวที่ “Street Art กาดเก๊าจาว” หรือตลาดรัตน์ ตลาดเก่าแก่ของจังหวัดลำปาง ถ้าใคร มาช่วงเช้าก็จะเห็นพ่อค้าแม่ค้ามาขายของกันครึกครื้น เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มจิตรกรลำปางได้เกิดไอเดีย วาดภาพสัญลักษณ์ของเมืองลำปางต่าง ๆ ลงบนกำแพงไม้สีครีม ทำให้กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดลำปางให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเช็คอินกันอีกด้วย
แหล่งท่องเที่ยว และที่พักผ่อนสุดฮิตของชาวลำปาง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองลำปาง มีลักษณะเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก รายล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ และป่าไม้สีเขียวขจีสุดร่มรื่น มีทะเลสาบกว้างใหญ่ บรรยากาศสวยงามและเงียบสงบ ซึ่งจะมีบริการล่องแพไม้ไผ่ พาเที่ยวชมรอบ ๆ เขื่อน และยังลงเล่นน้ำในเขื่อนกันได้อีกด้วย
“สถานีรถไฟลำปาง” สวยอย่าบอกใคร ตัวอาคารเป็นสไตล์สุโรป ผสมภาคเหนือ ด้านหน้ามีรถม้าจำลองไว้ให้ถ่ายรูป มีป้ายนครลำปางที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะถ่ายกัน ใครมีโอกาสแวะเวียนมาแถวนี้ ก็อย่าลืมแวะเช็คอินที่สถานีรถไฟนครลำปางกันด้วยนะ
อีกหนึ่งที่เที่ยวลำปาง ที่มีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนไม่ขาดสาย “สะพานรัษฎาภิเศก” สะพานข้ามแม่น้ำวัง เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาว และครุฑหลวงประดับไว้ เป็นสัญลักษณ์คู่จังหวัดลำปางมาช้านาน ใครอยากมาชิล ๆ ชมวิวริมแม่น้ำ ก็จัดว่าตอบโจทย์ สะพานแห่งนี้อยู่ใกล้กาดกองต้า แต่มาก็แวะมาถ่ายรูปที่นี่ได้ รับรองว่าสวยถูกใจสายอย่างแน่นอน
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปงสนุก ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง สร้างขึ้นในสมัยเจ้าอนันตยศ ซึ่งเป็นราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (จังหวัดลำพูนในปัจจุบัน) ไฮไลต์สำคัญของวัดนี้คือ “วิหารพระเจ้าพันองค์” ที่ได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมดีเด่นจากยูเนสโก ปี 2008 เป็นวิหารสร้างด้วยไม้ โครงสร้างของวิหารมีลักษณะเป็นมณฑปเปิดโล่งตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์ พระพักตร์แต่ละองค์ก็หันออกไปยังทิศทั้งสี่ ส่วนหลังคามีลักษณะซ้อนกันสามชั้น รวมไปถึงเสาสี่เหลี่ยมที่ค้ำตัววิหารก็มีลวดลายอันน่าวิจิตรปรากฏให้เห็นอยู่แทบทุกต้น และบริเวณด้านบนรอบในของตัววิหารได้รับการประดับด้วยพระพิมพ์องค์เล็กจำนวนมากถึง 1,080 องค์ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ วิหารพันองค์ ที่ใช้เรียกกันอย่างติดปาก
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดลำปางด้านตะวันตกเฉียงใต้ อำเภอเมืองลำปาง สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว โดยมีการสร้างหลักที่หนึ่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2400 ตามด้วยหลักที่สองในปี พ.ศ. 2416 และหลักที่สามในปี พ.ศ. 2429 ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2440 ได้มีการสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้น จึงได้นำหลักเมืองนี้มาไว้บริเวณหน้าศาลากลาง และได้สร้างมณฑปครอบหลักเมืองทั้งสามในปี พ.ศ. 2511 ปัจจุบันศาลหลักเมืองเป็นที่เก็บรวบรวมเสาหลักเมืองโบราณอยู่นานนับศตวรรษจากที่ต่าง ๆ และยังเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลำปางเคารพยิ่ง
วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของลำปาง ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมือง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญมากมาย เช่น “องค์พระธาตุเจดีย์ซาว” เป็นศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า เชื่อกันว่าหากใครนับได้ครบ 20 องค์ ถือว่าเป็นคนมีบุญ ทั้งนี้ข้างหมู่พระเจดีย์จะมีวิหารหลังเล็กประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด ปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน ชาวบ้านเรียกว่าพระพุทธรูปทันใจ, “พระอุโบสถหลังใหญ่” ที่ประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีพุทธลักษณะงดงาม
อีกหนึ่งวัดสำคัญที่คนท้องถิ่นลำปางให้ความเคารพและสักการะก็คือ “วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม” ตั้งอยู่บริเวณเนินดินสูงขนาดใหญ่ เป็นวัดที่มีอายุมากกว่า 500 ปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต มาวัดนี้จะเจอกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถหรือวิหาร มีลวดลายแกะสลักสวยงามด้วยศิลปะแบบพม่า
วัดศรีชุม ตั้งอยู่บริเวณถนนศรีชุม-แม่วะ ตำบลศรีชุม อำเภอเมืองลำปาง นับเป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ในประเทศไทย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2433 โดยคหบดีพม่าชื่ออูโย ผู้ติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานด้านป่าไม้ในประเทศไทย ความโดดเด่นของวัดนี้คือ “พระวิหาร” ที่เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านนาและพม่า มีหลังคาเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก และวัดศรีชุมได้รับการจดทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2524 ก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้พระวิหารทั้งหลังเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เหลือเพียงไม้แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่งตรงซุ้มประตูทางขึ้นวิหารเท่านั้น ปัจจุบันได้มีการบูรณะวัดนี้ขึ้นใหม่ และนำชิ้นส่วนเครื่องประดับอาคารที่ถูกไฟไหม้ไปจัดแสดงไว้ด้านหลังวิหาร
ใครมา “อินทราเอาท์เล็ท” เดินเสร็จรับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านชัวร์ ๆ เพราะที่นี่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อมากมาย เช่น ชามตราไก่ กับเซรามิกให้เลือกตั้งแต่เกรดกกลาง ๆ ไปจนถึงเกรดพรีเมียม ราคาไม่แรง และยังมีชามไก่ใบยักษ์ให้ถ่ายรูปเช็กอินกันรัว ๆ
ตลาดจีน หรือที่คนลำปางเขาเรียกกันติดปากว่า กาดกองต้า ที่นี่ตั้งอยู่ที่ซอยตลาดจีนริมน้ำ ที่มีความเก่าแก่ และถือว่าทรงคุณค่ามากของจังหวัดลำปาง ถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจ ที่มีพ่อค้าแม่ค้ามากหน้าหลายตานำสินค้ามาขาย ด้วยบรรยากาศเก่า ๆ เหมือนเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปีให้คุณมาเดินช้อปท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ที่ลำปาง มาลำปางแล้วอย่าลืมมาเที่ยวกาดกองต้ากันนะ
สายอาร์ต สายชิค ๆ ต้องมาให้ได้ “บ้านเสานักลำปาง” มาชมบ้านที่เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นหลังหนึ่งของลำปาง บ้านหลังนี้ยังคงความเก่าแก่ แล้วยังสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ประเพณีพื้นเมือง แบบแผน รวมไปถึงรสนิยมของชาวลำปางได้เป็นอย่างดี ใครเป็นสายอาร์ตที่ชอบชมความงดงามของสถาปัตยกรรม ควรแวะมาชมความงามที่ทรงคุณค่าของบ้านเสานักลำปาง หลังนี้
พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี ตั้งอยู่บนถนนวัดจองคำ ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ที่นี่เก็บรวบรวมเรื่องราวของเซรามิกลำปางหลากหลายแง่มุมให้คุณได้ศึกษา ด้านในพิพิธภัณฑ์ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ มีการจัดแสดงประวัติและที่มาที่ไปของโรงงานเซรามิกธนบดีสกุล ซึ่งเป็นโรงงานเซรามิกแห่งแรกของจังหวัดลำปาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 โดย นายอี้ (ซิมหยู) แซ่ สินค้าที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็คือ “ชามตราไก่” ซึ่งมีให้ชมกระบวนการการทำชามตราไก่ ตั้งแต่การขึ้นรูปดินขาวให้เป็นชามรูปทรงแปดเหลี่ยม แล้วนำไปตัดขอบเอาความคมออก เมื่อแห้งแล้วนำไปชุบน้ำเคลือบเพื่อความมันวาวและทำความสะอาดง่าย จากนั้นนำไปเผาในเตาอุณหภูมิ 1,260 องศาเซลเซียส เมื่อชามเย็นตัวลงจึงนำมาวาดลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงงานแห่งนี้ โดยช่างวาดเพียงแค่ 2 ท่าน ภายในหนึ่งวันจึงสามารถผลิตชามตราไก่ได้เพียงวันละไม่กี่ร้อยใบเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ชมเตาเผามังกรเก่าแก่ กระบวนการทำถ้วยขนม ชามไก่โบราณ ชามไก่ทองคำ และผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่น ๆ ของโรงงานเซรามิกธนบดีสกุลอีกด้วย โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.
น้ำตกแม่แก้ เป็นน้ำตกธรรมชาติ ตั้งอยู่บนลำห้วยแม่แก้ เป็นชั้นหินไล่ลดหลั่นกันลงมาอย่างสวยงาม รายล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี บรรยากาศเย็นสบายบริสุทธิ์
ถ้ำผาไทเป็นโถงขนาดใหญ่เกิดจากภูเขาหินปูนอายุไม่ต่ำกว่าเก้าล้านปี มีความลึกจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 1,150 เมตร ตลอดเส้นทางนั้นได้มีการติดตั้งไฟฟ้าเพื่อให้สะดวกในการเดินชมหินงอกหินย้อยที่มีอยู่มากมาย และภายในถ้ำมีค้างคาวจำนวนมากอาศัยอยู่ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เคยเสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. 2469 ดังปรากฏหลักฐานพระปรมาภิไธยย่อ ปปร.
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหวด อำเภองาว เป็นอีกหนึ่งวัดที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา ด้วยเป็นวัดเก่าแก่ มีความสวยงามไม่แพ้วัดไหนในภาคเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างโดยชาวไทใหญ่ เพราะอาคารต่าง ๆ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะไทใหญ่ วิหารที่สร้างขึ้นใหม่ ก็ยังคงศิลปะแบบดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยน สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือ “พระมหาเจดีย์พุทธคยา” ซึ่งสร้างจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยาในประเทศอินเดีย สูงประมาณ 51 เมตร มีเจดีย์องค์เล็กอยู่รอบทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งด้านนอกและด้านใน
แอ่งน้ำขนาดใหญ่กลางหุบเขา ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้อันร่มรื่น และมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากจะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ชาวบ้านก็ยังมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าที่นี่เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
จุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นธรรมชาติรอบ ๆ แบบ 360 องศา ที่นี่เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันในช่วงหน้าหนาว!
วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือ (วัดพระบาทปู่ผาแดง) วัดนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง มีเจดีย์สีทองตั้งตระหง่านอยู่ ถ้าอยากขึ้นไปวัดบริเวณชั้นบน ใช้บริการรถโดยสารขึ้นไป ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ต่อจากนั้นเดินเท้าขึ้นเขา ด้วยระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วคุณจะได้เห็นเมืองลำปางแบบ 360 องศา
ใครอยากหาที่เที่ยวสงบ ๆ หนีจากความวุ่นวาย ขอแนะนำ “ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง” ที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ น่ารัก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งห่างจากตัวอุทยานฯประมาณ 14 กม. หมู่บ้านป่าเหมี้ยงถูกโอบล้อมด้วยป่าเหมี้ยง โดยชาวบ้านที่นี่จะเก็บใบชามาแปรรูปเป็นอาหารและของใช้ ที่สำคัญคือมีอากาศเย็นสบายตลอดปี ช่วงหน้าหนาวเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ดอกเสี้ยวหรือดอกชงโคป่าจะบานสะพรั่งเต็มดอย
แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีน้ำตกและบ่อน้ำร้อนอยู่ในบริเวณเดียวกัน สำหรับ “อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน” ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอเมืองลำปาง นอกจากนี้ยังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์
จังหวัดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนน่ารัก ๆ และมีสถานที่น่าเที่ยวสุด ๆ แม่ฮ่องสอน ดินแดนแห่งเมืองสามหมอก
ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องบอกว่าเมื่อหน้าหนาวมาถึง ได้เวลาสัมผัส ทุ่งดอกบัวตองสวย ๆ ของดอยแม่อูคอ กันแล้วค่ะ ที่อยู่บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ความสูงราว 1,600 เมตร ล้อมด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน เราจะสามารถมองเห็นดอกบัวตองได้ตั้งแต่ทางขึ้น ไปจนถึง จุดชมวิวทุ่งดอกบัวตองที่จัดว่าใหญ่ที่สุดในไทยเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญคือมีให้ชมปีละครั้งเท่านั้น
ตั้งอยู่ในหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด อ.ขุนยวม ใกล้กับทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ในระดับความสูง 1818 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูชี้เพ้อ ถือเป็นจุดวิวแห่ง ใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก เป็นจุดชมวิวสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกคลอเคล้าไปตามทิวเขาสลับซับซ้อนอันงดงาม หากมาในช่วงที่ดอกบัว ตองบาน สามารถมองเห็นวิวของทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อุคอในมุมสูงได้ในอีกมุมซึ่งสวยงามมาก
เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ตั้งอยู่บนดอยกองมู ทางทิศตะวันตกของ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 3 ก.ม.เดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณ อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัดพระธาตุดอยกองมูเดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอยประกอบ ด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของ พระโมคคัลลานะ เถระ ซึ่งนำมา จากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย พระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน คนแรก จากวัดพระธาตุ ดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศ และสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจน และสวยงามมาก ๆ
วัดจองคำและวัดจองกลาง เปรียบเสมือนวัดแฝด ด้วยตั้งอยู่ในกำแพงเดียวกัน เมื่อมองจากด้านหน้า วัดจองคำ จะอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนวัดจองกลางจะอยู่ทาง ขวามือ วัดจองคำและวัดจองกลางตั้งอยู่กลางเมืองแม่ฮ่องสอน และเป็นเสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองไทใหญ่แห่งนี้ เพราะนอกจากความงดงาม ทางศิลปะแล้ว วัดทั้งสอง ยังเป็น ศูนย์กลางของกิจกรรมทางวัฒนธรรม และประเพณีของชาวแม่ฮ่องสอน พื้นที่ด้านหน้าของวัดซึ่งเป็น สวนสาธารณะหนอง จองคำยังเอื้อให้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีตามประเพณีต่าง ๆ ในรอบปีอีกด้วย
ปางอุ๋ง หรือที่มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลัง ต่าง ๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริ ให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้าง ความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป
บ้านรักไทยแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ในสมัยอดีตเคยเป็นทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) หรือที่เรารู้จักกันว่า “ก๊กมินตั๊ง” นั่นเอง ที่นี่ค่อนข้างมีอากาศเย็น ๆ สบาย ๆ เกือบทั้งปี ยกเว้นช่วงหน้าหนาว ที่จะหนาวมากเป็นพิเศษ เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร
สะพานซูตองเป้ ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก อำเภอเมืองฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร มีความกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร เป็นสะพานไม้ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่ง ซูตองเป้ เป็นภาษาไทใหญ่แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ หรือบางคนก็บอกว่าแปลว่า ความสำเร็จ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากได้มายืนอยู่กลางสะพานแล้วอธิษฐานขอความ ความสำเร็จใด ๆ ก็จะพบกับความสมหวัง นับว่าเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สะพานซูตองเป้ เป็นสะพานที่เกิดจาก ความศรัทธาและการร่วมแรงร่วมใจของพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านกุงไม้สักที่ต่างก็ช่วยกันลงแรงสานพื้นสะพานด้วยไม้ไผ่ทอดยาว ไปบนที่นาของเจ้าของที่อุทิศผืนนาถวาย โดยสร้างเพื่อเชื่อมต่อระหว่างสวนธรรมภูสมะและหมู่บ้านกุงไม้สัก ข้ามผ่านทุ่งนา และแม่น้ำสายเล็ก ๆ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งได้ใช้สัญจรไป มาระหว่างหมู่บ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น
ตั้งอยู่ที่ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 15 นาที บ้านผาบ่อง เป็นชุมชนเล็กๆ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่ ชาวบ้าน คือ ชาวไตหรือไทใหญ่และชาวปกาเกอะญอ ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวมานานนับร้อยปี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ อย่างประเพณีปอยส่างลองหรือบวชลูกแก้ว บ้านผาบ่อง สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือค้างคืนโดยทางชุมชนมีที่พักให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่อบอุ่น โดยมีจุดท่องเที่ยวต่างๆ ภายในชุมชนและบริเวณใกล้เคียง จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจเมื่อมาเที่ยวบ้านผาบ่อง คือ สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข สะพานไม้ไผ่ทอดยาวกลางทุ่งข้าวโอบล้อมไปด้วยขุนเขา สดชื่นด้วยบรรยากาศที่แสนบริสุทธิ์และความเป็นธรรมชาติ
จุดชมวิวผาบ่อง ตั้งอยู่ ในตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นจุดวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของป่าและทิวเขาที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า บริเวณด้านล่างจะเห็นสายน้ำคล้ายน้ำตกซึ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำผาบ่องเป็นเขื่อนกั้นลำน้ำแม่ละมาด และผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ที่ตรงนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของคำว่าผาบ่องอีกด้วย เพราะเป็นบริเวณที่มีน้ำไหลระหว่างช่องเขา ชาวบ้านถึงเรียกว่า “บ่อง” และคำว่าบ่องหมายถึง “ช่อง”นั่นเอง
เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของอำเภอแม่ลาน้อย อยู่ในเขตรับผิดชอบของโครงการหลวงแม่ลาน้อย เป็นหมู่บ้านที่อาชีพหลักคือ ปลูกกาแฟ เสาวรส ทำนาข้าว กาแฟพันธุ์อาราบิก้าบ้านห้วยห้อมนั้น ถือว่าเป็นกาแฟที่มีชื่อเสียง มีรสชาติหอมเข้มข้น นอกจากนี้ในหมู่บ้านยังมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
บ้านห้วยห้อม เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่หุบเขา อ. แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย บ้านห้วยห้อมเป็นหมู่บ้านในอ้อมกอดของหุบเขา มีนาขั้นบันไดและยังมีต้นหมากเป็นทิวแถว ชาวบ้านที่บ้านห้วยห้อมนับถือศาสนาคริสต์ อาชีพหลักคือ ปลูกข้าว เสาวรส และกาแฟอันธุ์อาราบิก้าที่รสชาติเข้มข้น มีการเลี้ยงแกะทำให้เกิดอาชีพเสริมคือกาทอผ้าจากขนแกะ และฝ้ายธรรมชาติ ชาวบ้านใน หมู่บ้านไม่ค่อยออกไปทำงานที่อื่น เพราะคนในหมู่บ้านมีอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ จึงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
จุดชมวิวแม่ลาหลวง ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณริมถนนสาย 108 เชียงใหม่ ฮอด แม่สะเรียง แม่ลาน้อย หากเดินทางมาจากอำเภอ ฮอด แม่สะเรียงจะอยู่เลยจากทางเข้าไปยังโครงการหลวงแม่ลาน้อย แต่ถ้าเดินทางมาจากแม่ฮ่องสอนจะอยู่ก่อนถึงทางขึ้นไปยังโครงการหลวง จุดชมวิวแม่ลาหลวงถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวระหว่างทาง ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาเขียวขจี รวมทั้งมีร้านกาแฟบรรยากาศดี ที่สามารถจิบเครื่องดื่มห้อยขาชมวิวได้อีกด้วย
บ้านจ่าโบ่ ซึ่งเป็นชุมชนชาวเขาที่ตั้งอยู่ใน อ. ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ที่นี่นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้วยังมีวิถีชีวิตชนเผ่าที่น่าสนใจและน่ามาเรียนรู้ มาทำความรู้จักและกล่าวคำทักทายว่า A-Bo-Da-ya (อาบูดะยา) ซึ่งเป็นภาษาของชาวลาหู่หรือมูเซอ ที่แปลว่า สวัสดี
ถ้ำลอด ปางมะผ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ ปัจจุบันอยู่ ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำปาย มีสถานที่น่าสนใจ คือ ถ้ำลอด ซึ่งมีลำห้วยชื่อ น้ำลางไหล ลอดภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม จากการพบเครื่องมือเครื่องใช้ โบราณในถ้ำสันนิษฐานได้ว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว
สะพานบุญโขกู้สุ่ย สะพานไม้ไผ่แห่งศรัทธา ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแพมบก ตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปในทุ่งนาข้าวโดย มีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามจนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเมืองปาย
จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากหมู่บ้านสันติชล ประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของอำเภอปาย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ถูกรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ และทัศนียภาพบ้านเรือนของเมืองปายที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอก คำว่าหยุนไหล เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง แหล่งที่เมฆไหลมารวมกัน ซึ่งเปรียบเสมือนคนจีนยูนานที่อพยพมาจากเมืองจีน แต่ในที่สุดก็อพยพย้ายถิ่นฐานมารวมกัน จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล สามารถชมได้ทั้งฤดูฝนและฤดูหนาว บริเวณจุดชมวิวได้จัดทำเป็นระเบียงชมวิวและจุดถ่ายภาพน่ารักๆ หลายจุด ทั้งระเบียงชมวิว จุดคล้องกุญแจคู่รัก ป้ายร้อยที่บอกรัก และศาลาสำหรับนั่งชมวิวยามเช้า ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีบริการเครื่องดื่มชาร้อนใส่มาในกาน้ำร้อน ให้จิบไปชมวิวไปได้อีกด้วย
โป่งน้ำร้อนไทรงาม ตั้งอยู่ที่บ้านไทรงาม อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 15 กิโลเมตร บนเส้นทางสายปาย ปางมะผ้า เมืองแม่ฮ่องสอน เป็นบ่อน้ำผุดที่มีอุณหภูมิอุ่นซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในเขตอนุรักษ์ป่าไทรงาม รายล้อมด้วยต้นไม้ที่เขียวขจี ลักษณะเป็นแอ่งน้ำนาดเล็กที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายกับน้ำตก ผืนน้ำมีสีเขียวใสแจ๋วสามารถมองเห็นหินและทรายเบื้องล่าง เพราะน้ำไม่ลึกมากประมาณแค่เขา โป่งน้ำร้อนไทรงาม เป็นที่นิยมขิงนักท่องเที่ยวมาแช่น้ำให้ผ่อนคลายในบรรยากาศแบบแนบชิดธรรมชาติ สำหรับชื่อนั้น บางคนมักเรียกติดปากกันว่า น้ำพุร้อนไทรงาม แต่ชื่อตามป้ายบอกทางที่เขียนบอกนักท่องเที่ยว คือ โป่งน้ำร้อนไทรงาม เพราะลักษณะของตาน้ำเป็นน้ำผุดที่ขึ้นมากจาเบื้องล่าง จะไม่ใช่ลักษณะน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาเหมือนบ่อน้ำร้อนอื่น ๆ
ดอยเมี่ยง ดอยน้องใหม่แห่งอำเภอปายตั้งอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตามโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริดอยกิ่วลม สูงประมาณ 1,600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นพื้นที่เป็นป่าดงดิบชื้น ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น ต้นสน ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นมะค่าและอีกมากมายนานาชนิดที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้มาซึมซับ กับบรรยากาศอันร่มรื่น ดอยเมี่ยงมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถรับชมบรรยากาศอันร่มรื่น สามารถมอง เห็นทัศนียภาพทิวทัศน์ของเมืองปายได้กว้างไกลสวยงาม มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปีแม้ในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูฝน สามารถมอง เห็นทะเลหมอกยามเช้าและพระอาทิตย์ขึ้นเหนือเมืองปายได้อย่างสวยงาม หากมาเที่ยวในช่วงกลางเดือนมกรามก็จะได้พบกับ ต้นนางพญาเสือโคร่งบานอีกด้วย ไม่ไกลจากยอดดอยเมี่ยงยังมีจุดชมพระอาทิตย์ และยอดดอยธงซึ่งเป็นจุดสูงสุดสามารถ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้สูงกว่าดอยเมี่ยงซึ่งต้องเดินทางต่อจากจุดจอดรถต้องเดินเท้าขึ้นต่อไปประมาณ 400 เมตร
ดอยพุ่ยโค หรือดอยพุย (ภาษาท้องถิ่นของชาวกระเหรี่ยง)ตั้งอยู่ที่ บ้านอุมดาเหนือ ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระดับความสูงที่ 1406 ม.จากระดับน้ำทะเล ห่างจากที่ว่าการอำเภอสบเมยประมาณ 10 กิโลเมตร ดอยพุ่ยโค ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดน แห่งทุ่งหญ้าสีทอง วิวทิวทัศน์สวยงามและสุดยอดทะเลหมอกที่สามารถมองวิวได้รอบ 360 องศา ทำให้สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดิน ในยามค่ำคืนมีดาวเต็มฟ้า ระยะทางเดินเท้าไม่ไกลประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ถึงยอดดอย เส้นทางบางช่วงชัน เล็กน้อยแต่ถือว่าเป็นการเดินป่าที่ค่อนข้างง่ายและใช้เวลาเดินขึ้นไม่นานนัก แต่กลับได้พบความสวยงามของ ธรรมชาติที่ สวยงามแสนบริสุทธิ์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวที่จะได้พบกับทุ่งหญ้าสีทองคือ เดือนมกราคม-กุมภาพันธุ์
ถนนคนเดินปาย เป็นถนนคนเดินตอนเย็นในตัว อ.ปาย ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีของขายหลายอย่าง เสื้อผ้า ของกิน ของที่ระลึก งานแฮนด์เมด ร้านอาหาร – อาหารท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายทัวร์ และยังเป็นถนนสำคัญของอำเภอปายที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้อีกหลายแห่ง
เมืองแพร่หรือ “เวียงโกศัย” หัวเมืองสำคัญของล้านนามาตั้งแต่อดีต มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม ตึกรามบ้านช่องวัดวาอารามสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยงานสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจง แพร่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบมีธรรมชาติที่สวยงาม และบริสุทธิ์ มีเรือนไม้โบราณอีกทั้งของสะสมล้ำค่าที่รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม!
ที่อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 107 ของประเทศไทย มีพื้นที่กว้างไกลถึง 3 อำเภอ คือ อำเภอลอง อำเภอเมือง และอำเภอสูงเม่น มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามคือภูเขาหินปะการัง เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก และการชะล้างพังทลายของหินที่ใช้เวลาหลายล้านปี มีลักษณะคล้ายปะการัง เป็นจุดพักแรมกางเต็นท์ ถัดจากจุดนี้คือ “สวนหินมหาราช” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นราชสักการะและเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้และสัตว์ ณ มุมสงบสวนสมุนไพร และว่านนานาชนิด หินทั้งหมดในสวนหินมหาราชมีรูปร่างแปลกๆ มากมายหลายจุด แต่ที่เป็นไฮไลท์สุดๆ คือ “หินไดโนเสาร์” อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดชม “แก่งหลวง” เป็นโขดหินกว้างกลางแม่น้ำยม เหมาะสำหรับล่องแก่งยิ่งนัก ฝั่งตรงข้ามถ้ำหลวงคือ “ถ้ำเอราวัณ” ซึ่งมีโถงถ้ำใหญ่กว้างขวางและมีหินงอกหินย้อยงดงาม
วัดศรีดอนคำหรือ วัดห้วยอ้อ ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง เป็นพระธาตุเก่าแก่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกหน้าอกของพระพุทธเจ้า ความโดดเด่นของวัดนี้คือ “ระฆังระเบิด” ที่ทำจากลูกระเบิดที่ตกลงมาในช่วงสงครามเอเซียบูรพาหรือ สงครามโลก ครั้งที่ 2 ด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้านได้ควักดินปืนไประเบิดหาปลาเหลือเพียงปอกของระเบิด ชาวบ้านเสียดายจึงแบกหามใส่เกวียนถวายวัดทำระฆัง อันเป็นที่มาของคำว่า “แพร่แห่ระเบิด” และที่ยังมี “พิพิธภัณฑ์พระเจ้าพร้าโต้” ซึ่งเป็นที่รวบรวมของพระพุทธรูปที่ทำจากไม้ที่เก่าแก่จำนวนมากมาย และที่พิเศษกว่าองค์อื่นๆ คือ “พระเจ้าพร้าโต้” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาผสมเชียงรุ้งที่ทำจากไม้แก่นจันทร์ทั้งต้น สร้างโดยการใช้มีดพร้าหรือมีดโต้แกะสลักพระพุทธรูป อันเป็นที่มาของชื่อ “พระเจ้าพร้าโต้” ซึ่งสร้างเสร็จภายใน 1 วัน ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “พระเจ้าทันใจ” เชื่อกันว่า ขอพรอันใด สำเร็จสมประสงค์ทันใจสมชื่อทีเดียวเชียว
เป็นวัดที่สร้างอยู่ในพื้นที่บ้านวงศ์บุรีในเขตกำแพงเมืองเก่า เดิมเป็นวัดร้างชื่อ “วัดปงสนุก” ต่อมามีบันทึกว่า เมื่อปี พ.ศ. 2475 ผนังวิหารได้พังทลายจากเหตุน้ำท่วม หลวงพงษ์พิบูลย์ (พรหมวงศ์พระถาง) และภรรยาของท่านคือ เจ้าสุนันตามหายศปัญญา จึงเป็นผู้นำในการบูรณะวัดและสร้างวิหารใหม่ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพงษ์สุนันท์” และตั้งเป็นวัดประจำตระกูลวงศ์บุรีแต่นั้นมา ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อว่า “พระเจ้าแสนสุข” มีอายุราว 568 ปี เสนาสนะภายในบริเวณวัดมีพระนอนองค์ใหญ่สีทองอร่าม ซุ้มประตูมงคล 19 ยอด มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสกุลดำเก่าแก่ มีวิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด ที่เป็นวิหารสีขาวทั้งหลัง ล้อมรอบด้วยกำแพงลูกแก้ว ภายในวิหารมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่นามว่า “พระสุรัสวดีประทานพร” และองค์เล็กที่ทำจากไม้ขนุนทั้งองค์ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธรูปในจังหวัดแพร่ ใครจังหวะดีได้ไปสักการะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ถือโอกาสร่วมงานประเพณีงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ งานไหว้สาพระธาตุพงษ์สุนันท์มงคล นับเป็นโชคดีสิริมงคลแก่ชีวิตยิ่งนัก
ห่างจากตัวเมืองออกไปทางตะวันตกกว่า 40 กิโลเมตร จะพบสถานีบ้านปิน สถานีรถไฟแห่งเดียวของไทยที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาวาเรียนเฟรมเฮาส์ หรือแบบโครงไม้ ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมในแคว้นบาราเรียนของเยอรมัน ผสมกับสถาปัตยกรรมแบบไทยคือเรือนปั้นหยาซึ่งกำลังได้รับความนิยมในยุคนั้น (รัชกาลที่ 6) เป็นอาคาร 2 ชั้น ตัวตึกประกอบด้วยไม้ หลังคาจั่วปั้นหยา ประตูหน้าต่างเป็นบานลูกฟักไม้ เหนือประตูหน้าต่างและหน้าช่องจำหน่ายตั๋วประดับด้วยไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาสวยงามยิ่งนัก ส่วนหน้าสถานีจะมีหอประแจ และข้างสถานีจะมีหอเติมน้ำสำหรับรถจักรไอน้ำ แม้ปัจจุบันเลิกใช้งานแล้ว แต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบเดิม สถานีรถไฟบ้านปินจัดเป็นสถานีรถไฟระดับ 3 ที่มีปูมประวัติที่น่าสนใจยืนนานมากว่า 100 ปี ดูน้อยลง
ห่างจากตัวเมืองออกไปทางตะวันตกกว่า 40 กิโลเมตร จะพบสถานีบ้านปิน สถานีรถไฟแห่งเดียวของไทยที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาวาเรียนเฟรมเฮาส์ หรือแบบโครงไม้ ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมในแคว้นบาราเรียนของเยอรมัน ผสมกับสถาปัตยกรรมแบบไทยคือเรือนปั้นหยาซึ่งกำลังได้รับความนิยมในยุคนั้น (รัชกาลที่ 6) เป็นอาคาร 2 ชั้น ตัวตึกประกอบด้วยไม้ หลังคาจั่วปั้นหยา ประตูหน้าต่างเป็นบานลูกฟักไม้ เหนือประตูหน้าต่างและหน้าช่องจำหน่ายตั๋วประดับด้วยไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาสวยงามยิ่งนัก ส่วนหน้าสถานีจะมีหอประแจ และข้างสถานีจะมีหอเติมน้ำสำหรับรถจักรไอน้ำ แม้ปัจจุบันเลิกใช้งานแล้ว แต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบเดิม สถานีรถไฟบ้านปินจัดเป็นสถานีรถไฟระดับ 3 ที่มีปูมประวัติที่น่าสนใจยืนนานมากว่า 100 ปี
สถานที่เก่าแก่โบราณนับร้อยปีที่อยู่คู่เมืองแพร่มายาวนาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หรือที่เรียกกันว่า “ทรงขนมปังขิง” ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2435 โดยเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าเมืองแพร่องค์สุดท้าย เป็นอาคารสีเขียวอ่อน 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หลังคาทรงปั้นหยา เชิงชายประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างประณีตสวยงาม โดยเฉพาะโครงสร้างอาคารพิเศษตรงที่ไม่มีเสาเข็ม ใช้เพียงไม้ซุงเนื้อแข็งรองรับฐานเสาทั้งหลัง ภายในอาคารโอ่โถง หรูหรา และยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของเจ้าหลวงที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใต้ถุนเป็นคุกใต้ดินลึก 2.30 เมตร สำหรับขังทาสและนักโทษ พื้นอาคารชั้น1 จะสังเกตเห็นว่ามีช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กหลายๆ ช่องที่สามารถเปิดปิดได้ ช่องนั้นทำไว้สำหรับสอดส่องและหย่อนอาหาร ลือกันว่าหลังกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ พ.ศ.2445 เจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ลี้ภัยไปอยู่หลวงพระบาง คุ้มจึงถูกทิ้งร้าง แต่ตำนานอันน่าสะพรึงกลัวและอาถรรพ์ลี้ลับยังคงถูกเล่าสืบมาจนถึงทุกวันนี้
วัดเก่าแก่โบราณมีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นในรูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปะไทยใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนยันตรกิจโกศล ตำบลทุ่งกวาว ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กิโลเมตร วัดสร้างเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวไทใหญ่ หลังคาเล็กใหญ่ซ้อนลดหลั่นกันไป ประดับ